รวบ 2 ผู้บริหารร้านทอง

CIB รวบ 2 ผู้บริหาร แห่งอาณาจักรร้านทอง ซื้อทองไม่ได้ทอง ขายทองไม่ได้เงิน ฝากทองไม่ได้คืน ลงทุนไม่ได้อะไร เสียหายกว่า 500 ล้านบาท


กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน รอง บช.ก., พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ., พล.ต.ต.วิทยา ตรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.นิตติโชติ เพ็ญจำรัส รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิวิฒน์ จิตโสภากุล รอง ผบก.ปอศ.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ณัฐดนัย บำรุงศิลป์ สว.กก.4 บก.ปอศ., พ.ต.ท.วรวุฒิ คงรักษา สว.กก.4 บก.ปอศ., พ.ต.ท.สาธิต หาวงษ์ชัย สว.กก.4 บก.ปอศ. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปอศ., กก.1 บก.ปคบ., กก.1 บก.ป., กก.3 บก.ป และ กก.5 บก.ป.
ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา (ตามหมายจับ) 
1. นายพิพัฒน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 54 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 3747/68         ลงวันที่ 24 มิ.ย.68 
2. นายอาศุพล (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 3748/68   ลงวันที่ 24 มิ.ย.68
ฐานความผิด “ร่วมกันยักยอก, ร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง และร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน” 
พฤติการณ์ เมื่อประมาณเดือน มีนาคม 2568 ได้มีกลุ่มผู้เสียหายรวม 69 ราย เข้าแจ้งความร้องทุกข์     ให้ดำเนินคดีกับ บริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งเปิดในลักษณะร้านทอง หลังซื้อทองไม่ได้ทอง     ขายทองไม่ได้เงิน ฝากทองไม่ได้คืน ลงทุนไม่ได้อะไร โดยบริษัทแห่งนี้ ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับซื้อขายแลกเปลี่ยนทองคำผ่านหน้าร้านและผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งมีรูปแบบการประกอบธุรกิจ คือ เทรดทองคำแท่งผ่านแอพพลิเคชัน และเว็บไซต์ชื่อเดียวกับชื่อร้านทอง, รับซื้อ-ขายทองคำและรับหลอมทองคำ มีการชักชวนประชาชนทั่วไปให้สมัครสมาชิก เทรด ซื้อ ขาย และนำทองคำมาหลอมกับบริษัทฯ โดยเสนอรับซื้อ-ขาย ในราคาที่ดีกว่า ราคาทองคำที่สมาคมทองคำกำหนด คิดค่าหลอมต่ำกว่าผู้ประกอบการรายอื่น 
โดยในช่วงต้นปี 2568 บริษัทฯ เริ่มมีการผัดผ่อนการชำระเงิน และการส่งมอบทองคำ เมื่อทวงถามก็บ่ายเบี่ยง ต่อมาเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568 ได้ประกาศระงับการให้บริการ โดยปิดทั้งช่องทางหน้าร้าน และหยุดการให้บริการทั้งหมด ทำให้มีกลุ่มลูกค้าได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นกว่า 500 ล้านบาท
เนื่องด้วยคดีนี้มีผู้เสียหายจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายสูง เป็นคดีที่มีความยุ่งยากสลับซับซ้อน ประกอบกับสื่อมวลชนให้ความสนใจ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. จึงได้มีคำสั่ง แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยมอบหมายให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน รอง ผบช.ก. เป็นหัวหน้าคณะพนักงานงานสืบสวนสอบสวน คลี่คลายคดีนี้ โดยประกอบด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก 3 กองบังคับการ ในสังกัด ได้แก่ บก.ปอศ., บก.ปคบ. และ บก.ป.
คณะพนักงานสืบสวนสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน อนุมัติหมายจับต่อศาล ออกหมายจับนายพิพัฒน์ฯ และนายอาศุพลฯ ซึ่งเป็น กรรมการของ บริษัทดังกล่าว ในความผิดฐาน “ร่วมกันยักยอก, ร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง และร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน” 
ต่อมาวันที่ 25 มิถุนายน 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปอศ., กก.1 บก.ปคบ., กก.1 บก.ป., กก.3 บก.ป และ กก.5บก.ป. ได้นำหมายค้น เข้าตรวจค้นจำนวน 3 จุด พื้นที่ กรุงเทพมหานคร, จ.นครราชสีมา,   จ.ราชบุรี จนนำไปสู่การจับกุมตัว นายพิพัฒน์ฯ และนายอาศุพลฯ พร้อมตรวจยึดพยานหลักฐาน เป็นคอมพิวเตอร์ จำนวน 22 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง, แท็บเล็ต จำนวน 2 เครื่อง, โน้ตบุ๊ค จำนวน 8 เครื่อง, โทเคนธนาคาร จำนวน 9 ชิ้น, สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 2 เล่ม, ฮาร์ดดิสก์เก็บข้อมูล SSD จำนวน 1 อันพยานเอกสาร จำนวน 14 ลัง นอกจากนี้ยังได้ดำเนินการอายัดบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้อง จำนวน 21 บัญชี คิดเป็นยอดเงินรวมกว่า 54 ล้านบาท เพื่อประกอบการสืบสวนสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา 
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือนภัยถึงพี่น้องประชาชน ให้ใช้ความระมัดระวังในการลงทุนหรือทำธุรกรรมเกี่ยวกับทองคำหรือสินทรัพย์มีค่า ผ่านบริษัทเอกชนหรือแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ โดยเฉพาะกรณีที่มีการชักชวนให้ลงทุนด้วยผลตอบแทนที่สูงผิดปกติ หรือเสนอเงื่อนไขที่ดูดีเกินจริง เช่น การรับซื้อทองในราคาสูงกว่าตลาด, การหลอมทองในราคาต่ำกว่าผู้ประกอบการทั่วไป, การให้ผลตอบแทนเร็วโดยไม่มีความเสี่ยง โดยพฤติกรรมเช่นนี้อาจเป็น กลลวงที่เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน และอาจนำไปสู่ความเสียหายทางการเงินอย่างรุนแรง แนะนำประชาชนตรวจสอบข้อมูลของบริษัทก่อนลงทุน, หลีกเลี่ยงการโอนเงินเข้าบัญชีบุคคลธรรมดา หรือบัญชีที่ไม่ใช่ของบริษัทโดยตรง, และสอบถามหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงิน ก่อนตัดสินใจลงทุนในรูปแบบที่ไม่คุ้นเคย

ความคิดเห็น

ข่าวฮอตชัดทุกกระแส

วิเคราะห์ เจาะลึก วัตถุมงคลหลวงพ่อพัฒน์ วัดห้วยด้วน

ทนายอนันต์ชัย โพสต์ FB ระบุ

ฟุตบอลสูงอายุชิงถ้วย ร.10 68 ทีมร่วมฟาดแข้ง

“ธรรมาภิบาล”เร่งหารือ กกต.ให้จัดการเลือกตั้งใหม่

ชมรมทหารพราน ค่ายปักธงชัย แจกข้าวสาร อาหารแห้ง ณ​ ชุมชนชาวคลองลัดภาชี

ราชกรีฑาสโมสรจัดศึกกีฬาม้าแข่งไร้พนันชิงชัยแบบนิวนอร์มัล

ไทย ต้านไม่ไหว พ่ายญี่ปุ่น 0-7