”ทวี“ ควงนายกสภาทนายความ
”ทวี“ ควงนายกสภาทนายความ จัดพิธีมอบเงินเยียวยาช่วยครอบครัวผู้เสียชีวิต ตึก สตง. ถล่ม ครั้งที่สองจํานวน 40 ล้านบาท เร่งที่เหลืออีก 48 ครอบครัว
ขณะที่ผู้แทนกิจการร่วมค้าฯ ยันช่วยเหลือครอบครัวเหยื่อตึก สตง. ถล่ม เต็มที่ แจงเหตุล่าช้าพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมคดีนอมินี
วันนี้(15 มิ.ย. 68) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ นายธีรยุทธ แก้วสิงห์ รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ โฆษกกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และผู้แทนกิจการร่วมค้า ระหว่าง บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จํากัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จํากัด จัดพิธีมอบเช็คเงินสดจํานวน 1 ล้านบาท ให้ทายาทผู้เสียชีวิตจากเหตุอาคารสำนักงานแห่งใหม่ของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ ตึก สตง. ถล่ม จำนวน 40 ราย เป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 40 ล้านบาท ณ เรือนจำพิเศษกรุงเทพ
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นปรากฏการณ์ที่สะท้อนหลักสิทธิมนุษยธรรมนำสังคมและกฎหมายอย่างแท้จริง เนื่องจากผู้ต้องขังหรือผู้ถูกกล่าวหาได้แสดงจิตสำนึกด้วยการชดใช้เงินแก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตโดยสมัครใจไร้ข้อแลกเปลี่ยนและไม่มีผลต่อคดีความในชั้นศาล สําหรับจํานวนผู้เสียชีวิตมีทั้งหมด 100 ราย มีการจ่ายเงินช่วยเหลือไปแล้วรอบแรกจํานวน 12 ล้านบาท 12 ครอบครัว วันนี้จํานวน 40 ล้านบาท 40 ครอบครัว ส่วนที่เหลืออีก 48 ครอบครัว หลังจากนี้จะมีการเร่งดําเนินการโดยเร็วที่สุด
ด้าน นายวิเชียร นายกสภาทนายความ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้นัดครอบครัวผู้เสียหายเข้ามาแต่เนื่องจากกลุ่มผู้ต้องหาไม่ได้รับการประกันตัว ซึ่งการช่วยเหลือเงินตามหลักสิทธิมนุษยธรรมไม่ผูกพันทางคดี ส่วนเงินที่ได้ในวันนี้นั้นยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับเงินทางคดี ซึ่งครอบครัวและญาติผู้เสียหายสามารถเรียกร้องให้จําเลยชดใช้เงินค่าเสียหายหรือสินไหมทดแทน ซึ่งทางสภาทนายความยินดีช่วยเหลือทั้งคดีอาญาและคดีเพ่งโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ส่วนกรณีที่เจ้าบ้านอย่าง สตง. ไม่ออกมาแสดงความรับผิดชอบนั้นทางสภาทนายความฯยังไม่ได้มีการประสานไปเนื่องจากทางกิจการร่วมค้าฯเสนอจะจ่ายเงินช่วยเหลือทั้งหมด
ขณะที่ผู้แทนกิจการร่วมค้าฯ เปิดเผยว่าว่า ปัจจุบันยังไม่มีการสรุปผลสาเหตุของการพังถล่มของตึก สตง. อย่างเป็นทางการว่าเกิดขึ้นจากเหตุใด นับตั้งแต่เกิดเหตุทางกิจการร่วมค้าฯในฐานะผู้รับเหมาโครงการเล็งเห็นว่าส่วนใหญ่ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตก็คือคนในครอบครัวของบริษัทอิตาเลียนไทยฯ และ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ ซึ่งถือเป็นการสูญเสียกําลังหลัก โดยกิจการร่วมค้าฯ ไม่สนใจว่าใครจะออกมารับผิดชอบหรือตึกถล่มเพราะเหตุใดเราไม่เคยคิด คิดแต่ว่าจะสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้ครอบครัวและญาติของผู้เสีนชีวิตอย่างไรได้บ้างรวมถึงที่ผ่านมาทางกิจการร่วมค้าฯก็ได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายและอุปกรณ์ในการช่วยกู้ภัยแต่ไม่ได้เปิดเผยเรื่องดังกล่าว ซึ่งเราแทบจะเป็นเพียงคนเดียวที่แสดงถึงเจตนาในการมอบเงินช่วยเหลือ อย่างไรก็ตามครอบครัวและญาติของผู้เสียชีวิตสามารถใช้สิทธิตามกฎหมายได้ตามปกติ
ประการที่สองนับคือเรื่องเงินเยียวที่ล่าช้าเนื่องจากกระบวนการต่างๆไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเพราะก่อนหน้านี้มีหลายคนมาอ้างตัวเป็นครอบครัวและญาติผู้เสียชีวิต ซึ่งไม่รู้ว่าใช่จริงหรือไม่ จึงต้องมีกระบวนการตรวจสอบให้ชัดเจนเพื่อให้เงินดังกล่าวส่งถึงมือครอบครัวเขาจริงๆ จึงได้มีการลงพื้นที่ตรวจสอบทุกบ้าน โดยขอให้มั่นใจได้ว่าจะเร่งดําเนินการจ่ายเงินส่วนที่เหลือให้เร็วที่สุด
นอกจากนี้ผู้แทนกิจการร่วมค้าฯ กล่าวต่ออีกว่า นับตั้งแต่วันที่ผู้บริหารกิจการร่วมค้าฯไม่ได้ประกันตัวซึ่งเป็นวันเดียวกันกับที่มีการนัดจ่ายเงินซึ่งเข้าใจว่าหลายครอบครัวเดินทางมาไกล แต่ประโยคที่กลุ่มผู้บริหารกิจการร่วมค้าฯตะโกนออกมาจากกรงขังคือ “เงินสิทธิมนุษยธรรมต้องจ่ายนะ เขาเดินทางมาไกลและได้รับความเดือดร้อนจริงๆ“ ซึ่งสิ่งนี้คือคําจริงใจจากกิจการร่วมค้าฯที่แสดงให้เห็นว่ามีความเป็นห่วงครอบครัวผู้เสียชีวิต
เมื่อถามถึงกรณีที่ดีเอสไอมีการดําเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับนอมินีนั้น ทางผู้แทนกิจการร่วมค้าฯ ระบุว่า เป็นการฟ้องร้องว่ามีการถือหุ้นแทนกันบริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ ซึ่งไม่เกี่ยวกับสาเหตุตึกถล่ม แต่ในฐานะฝ่ายกฎหมายขอชี้แจงโดยยืนยันว่า ไม่ได้มีการกระทําความผิดตามที่ถูกฟ้องร้องและยินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น