ช่วยกันปกป้องเกียรติภูมิ

ช่วยกันปกป้องเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีแพทยสภา  ชื่นชมที่ทำอย่างตรงไปตรงมา ถือหลักการและประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก มากกว่าประโยชน์ของคนบางคน

พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ   กล่าวว่า “จากกรณีเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภาคนที่ 1 ประธานในที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภา แถลงมติที่ประชุมพิจารณาผลการสอบสวนจริยธรรมทางวิชาชีพเวชกรรมของแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการพักรักษาตัวของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดยให้ลงโทษแพทย์ 3 ราย แยกเป็นให้ว่ากล่าวตักเตือน 1 ราย ในกรณีประกอบวิชาชีพเวชกรรมไม่ได้มาตรฐาน และพักใช้ใบอนญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 ราย  กรณีให้ข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริงและนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ ได้วีโต้ผลการพิจารณาและส่งผล การพิจารณาให้แพทยสภา พิจารณาอีกรอบหนึ่ง โดยกล่าวว่า “ เรื่องนี้เป็นไปตามที่สังคมคาดไว้  ว่า รมว. สาธารณสุข จะใช้สิทธิวีโต้ ตาม ม.25 พระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525    แม้นายสมศักดิ์จะใช้อำนาจยับยั้งมติแพทยสภาแล้วก็ตาม แต่ในท้ายสุดมติดังกล่าวต้องกลับไปที่ประชุมใหญ่แพทยสภาอยู่ดี  เชื่อมั่นว่า มติที่ประชุมใหญ่ คงเป็นไปตามเดิม เพราะข้อโต้แย้งของ รมว.ในฐานะสภานายกพิเศษ ไม่มีเหตุผลหรือสาระสำคัญที่จะทำให้มติแพทยสภาเปลี่ยนไป  ส่วนใหญ่แย้งเหตุผลทางธุรการซึ่งกรณีดังกล่าวทางแพทยสภาได้ตอบกลับไปยังสภานายกพิเศษ เรียบร้ิอยแล้ว    การวีโต้คงมีผลเพียงแค่ยื้อเวลาออกไป และเพื่อให้นายใหญ่เห็นว่า จงรักภักดีมากกว่าหลักการ   ซึ่งท้ายที่สุด  หากแพทยสภา ยืนยันตาม ผลการพิจารณาแต่เดิม  ก็จะส่งผล ในการพิจารณาของ ปปช. และศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 13 มิถุนายนที่จะถึงนี้อย่างแน่นอน“
         ”มีกระบวนการพยายามสร้างกระแส เพื่อดิสเครดิต และทำลายความน่าเชื่อถือของแพทยสภาอย่างต่อเนื่อง  เพื่อช่วยเหลือคนบางคนเพื่อไม่ให้ต้องกลับไปรับโทษจำคุกอีก  ถ้าการเมืองยังคงเล่นสกปรกอย่างนี้  ประเทศชาติไม่เจริญแน่นอน   ทั้งนี้ เพราะ หากมติแพทยสภายังคงอยู่  หรือมีผลครบถ้วนตามกฏหมาย แสดงให้เห็นว่า  การออกมาจากเรือนจำของนายทักษิณ  ชินวัตร เพื่อทำการตรวจรักษาเป็นไปโดยทุจริต และมิชอบด้วยกฎหมาย   เนื่องจากออกมาตรวจรักษาจำนวน 180 วัน  ไม่มีการป่วยในภาวะวิกฤต ที่อาจจะทำให้ถึงแก่ชีวิตได้    กรณีนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงมีเหตุจำเป็นจะต้องสั่งให้นายทักษิณ ชินวัตร  กลับไปรับโทษตามกฎหมายตามกำหนดเสียก่อน     
         ดังนั้น  การอ้างว่าถูกควบคุมตัว หรือรับโทษมาแล้ว 180 วัน หรือ 1 ใน 3 ของโทษที่เหลือนั้น   หากไม่เกิดขึ้นจริงหรือเป็นไปโดยผิดขั้นตอนและระเบียบกฎหมาย  จะส่งผลให้นายทักษิณฯขาดคุณสมบัติหรือเป็นเหตุให้ไม่สามารถขอพระราชทานอภัยโทษในโทษที่เหลือ 1 ปีนั้นได้   เมื่อนายทักษิณฯขาดคุณสมบัติในการขอพระราชทานอภัยโทษ  การขอพระราชทานอภัยโทษจึงเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนบัญญัติของกฎหมาย จึงจำเป็นต้องกลับไปรับโทษที่เหลือ 1 ปีตามเดิม
          นอกจากนี้  ผู้ป่วยภาวะวิกฤติ ที่จะอันตรายถึงแก่ชีวิต   ต่อมาเมื่อภาวะวิกฤติที่จะอันตรายถึงแก่ชีวิตหมดไป  ก็ถือว่า ความจำเป็นที่จะต้องพักรักษาตัวภายนอกเรือนจำก็จะหมดไปด้วย   เป็นหน้าที่ราชทัณฑ์จะต้องตรวจสอบและนำตัวผู้ป่วยที่มีอาการดีขึ้นกลับไปยัง โรงพยาบาลในเรือนจำหรือเข้าควบคุมในเรือนจำตามแต่อาการที่ปรากฎ  ไม่ใช่พักอยู่ รพ. ภายนอกเรือนจำจนหายปกติ  แข็งแรง ตีกอล์ฟ  เต้นระบำ นวดหน้า ขึ้นเวทีปราศรัย ด่าใครต่อใครได้
        อีกประการหนึ่ง กระบวนการการตรวจรักษาภายนอกเรือนจำ  กรณีนี้ เป็นการควบคุม ตัวตามคำพิพากษาศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง   การออกไปรับการตรวจรักษาภายนอกเรือนจำ จะขออนุญาตศาลฯก่อน หากเป็นกรณีเร่งด่วนไม่สามารถขออนุญาตศาลเพื่อส่งตัว มาทำการตรวจรักษาภายนอกเรือนจำได้ในทันที   ก็ต้องรายงานเพื่อขออนุญาตศาลฯส่งตัวไปตรวจรักษาเพื่อทุเลาโดยเร็วที่สุด  ซึ่งในกรณีนี้  ก็ไม่มีการขออนุญาตต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามกฏหมายแต่อย่างใด  
        จากกระบวนการการสอบสวนของแพทยสภา ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่า ทำให้เห็นว่า นายทักษิณฯ ไม่ได้ป่วยเป็นเส้นเอ็นเปื่อยยุ่ย หรือเจ็บป่วยในภาวะวิกฤติที่อันอาจจะเกิดอันตรายแก่ชีวิต  เอกสารการตรวจทางการแพทย์ มีเหตุและข้อควรสงสัยว่า  ไม่ตรงความจริง  จึงได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้ลงโทษดังกล่าว   “
         พล.ต.ท.ปิยะฯ กล่าว “แม้จะมีการพยายามอ้างจากกลุ่มบุคคลหลายกลุ่ม โดยอ้างกฏหมาย ระเบียบ  ข้อบังคับของราชทัณฑ์ หรือกฎหมายของหน่วยงานอื่น  ซึ่งเป็นอนุกฏหมาย ไม่อาจมาหักล้างหรือ เทียบเท่ากฎหมายรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายที่ออกโดยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญได้  อีกทั้งการปฏิบัติตามกฏหมายย่อย  ก็ยังปฏิบัติได้ไม่ครบถ้วน  แสดงถึงข้อพิรุธที่เกิดขึ้นอย่างมากมาย   ไม่ว่าจะ เป็นการส่งตัวคนไข้ออกจากเรือนจำโดยแพทย์ผู้รับผิดชอบยังไม่ได้ทำการตรวจคนไข้โดยตรง เพียงแค่สอบถามอาการจากพยาบาลเวรทางโทรศัพท์ เท่านั้น   ตลอดจนหลักฐานทางเวชระเบียนพยาบาลที่ปรากฎในคอมพิวเตอร์ และรายการจ่ายค่ารักษาพยาบาลก็ไม่ได้มีรายละเอียดยืนยันจากเจ็บป่วยร้ายแรง ที่ต้องรับการตรวจรักษาภาวะวิกฤตินานถึง180วัน “
         ”ท้ายที่สุด  ทาง พล.อ. ประวิตร  วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคฯ  กล่าวชื่นชมแพทยสภาที่ทำอย่างตรงไปตรงมา ถือหลักการและประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก มากกว่าประโยชน์ของคนบางคนและวอนสังคมช่วยกันปกป้องเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีแพทย์สภา  เพื่อให้คง ทำงานอย่างตรงไปตรงมาเพื่อประเทศชาติและประชาชนต่อไป”

ความคิดเห็น

ข่าวฮอตชัดทุกกระแส

วิเคราะห์ เจาะลึก วัตถุมงคลหลวงพ่อพัฒน์ วัดห้วยด้วน

ทนายอนันต์ชัย โพสต์ FB ระบุ

ฟุตบอลสูงอายุชิงถ้วย ร.10 68 ทีมร่วมฟาดแข้ง

“ธรรมาภิบาล”เร่งหารือ กกต.ให้จัดการเลือกตั้งใหม่

ชมรมทหารพราน ค่ายปักธงชัย แจกข้าวสาร อาหารแห้ง ณ​ ชุมชนชาวคลองลัดภาชี

ราชกรีฑาสโมสรจัดศึกกีฬาม้าแข่งไร้พนันชิงชัยแบบนิวนอร์มัล

ไทย ต้านไม่ไหว พ่ายญี่ปุ่น 0-7