ศาลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง
ศาลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง ธนาคารเดียวกันกับคดีเจ้าหน้าที่ธนาคารร่วมขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใช้เอกสารเท็จจดหลักประกัน ฉ้อโกงเอาเงินจากการทำตั๋วสัญญาใช้เงินปลอม
จากกรณีที่นักธุรกิจพลังงาน ออกมาร้องเรียนว่า มีผู้บริหารและผู้ที่เกี่ยวข้องกับธนาคาร ทำการปลอมแปลงตั๋วสัญญาใช้เงินของผู้เสียหาย 2 ฉบับจำนวน 115 ล้านบาท และ 315 ล้านบาท โดยมีการปลอมตราประทับและให้ผู้อื่นมาลงลายมือชื่อแทน
หลังจากนั้นได้นำเงินเข้าบัญชีของผู้เสียหาย และถอนเอาเงินจากบัญชีของผู้เสียหายออกไปโดยไม่มีเอกสารลายเซ็นเจ้าของบัญชีของผู้เสียหายไปยังบริษัทญาติของผู้บริหารระดับสูงของธนาคารและธนาคารมีการถือหุ้นผ่านบริษัทตัวแทนเพื่อรับผลประโยชน์ในการทำตั๋วสัญญาใช้เงินปลอมในครั้งนี้
โดยนายวงศ์วริศ ศุภปฐวีพงศ์ นักธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า บริษัทได้ทำสัญญากิจการร่วมค้าเพื่อรับงานหน่วยงานราชการ และได้เปิดบัญชีกับธนาคารจำนวน 3 บัญชีเพื่อสำหรับบริหารงานกิจการร่วมค้า และมีบริษัทญาติของผู้บริหารธนาคารมารับรับเหมาช่วงงานต่อต่อมาในปี 2562 ภายหลังจากสัญญาก่อสร้างหมดอายุไปแล้ว
บริษัทญาติของผู้บริหารธนาคารได้ทำตั๋วสัญญาใช้เงินปลอมจำนวน 2 ฉบับขึ้นในนามของกิจการร่วมค้าที่ผู้เสียหายถือหุ้นอยู่ โดยได้รับความช่วยเหลือจากผู้บริหารของธนาคาร โดยไม่ต้องทำ KYC ไม่ต้องมีเอกสารประกอบการขอสินเชื่อ มีการสร้างหนี้เทียมขึ้นมา และใช้เอกสารของโครงการอื่น มาทำการเบิกจ่ายเงินจากตั๋วสัญญาใช้เงินปลอมทั้งสองฉบับ และมีทำเอกสารปลอมขึ้นมาเพื่อจดทะเบียนเป็นหลักประกันให้สินเชื่อเข้าองค์ประกอบว่าต้องมีหลักประกัน
หลังจากนั้นธนาคารได้นำเงินเข้าบัญชีของกิจการร่วมค้าที่ผู้เสียหายถือหุ้นอยู่ และนำเงินออกโดยไม่มีเอกสารการเบิกเงินหรือเอกสารยินยอม ออกไปให้กับบริษัทที่ญาติของผู้บริหารธนาคารเป็นเจ้าของอยู่ และธนาคารได้ถือหุ้นใหญ่เป็นอันดับ 3 ผ่านบริษัทในตลาดหลักทรัพย์เพื่อเข้าถือหุ้นในบริษัทญาติของผู้บริหารนั้นได้รับเงินจากตั๋วสัญญาใช้เงินปลอมทั้งสองฉบับ
ผู้เสียหาย ได้นำเรื่องไปร้องกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ และหน่วงงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ปี 2566 แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า ผู้เสียหายจึงได้นำข้อมูลไปฟ้องเป็นคดีอาญา จนศาลได้ออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง เป็นคดีอาญาปลอมและใช้เอกสารปลอมอีกหลายคดี ซึ่งศาลได้มีคำสั่งประทับรับฟ้องหมดทุกคดีแล้ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น