สาวเดือด!!เพื่อนบ้านจุดประทัด
สาวเดือด!!เพื่อนบ้านจุดประทัดไล่นกดัง ฉีดยาฆ่าแมลง คู่กรณี อ้างอยู่มาก่อน ท้าให้ฟ้องศาล แถมให้ของลับ แน่จริงให้ไปฟ้องศาล
มีกรณีของสาวคนหนึ่งร้องบอกว่ามีแปลงปลูกผักทำสวนแห่งหนึ่งที่อยู่ข้างบ้าน ในตำบลโคกโคเฒ่า อ.เมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี มีการจุดประทัดไล่นกเสียงดัง และฉีดยาฆ่าแมลงส่งกลิ่นเหม็น! คือซื้อที่ดินปลูกบ้านอยูอาศัยได้ 1 ปีกว่า ได้ยินเสียงประทัดดังตลอด นอนหลับก็ไม่สนิท แถมฉีดยาฆ่าแมลงส่งเกลิ่นเหม็น! หายใจติดขัด ไอ เจ็บคอ ร้องไปที่ อบต.ปีกว่า คู่กรณีก็นิ่ง ยืนยันจะไม่ทำตามข้อตกลง อ้างมาอยู่ก่อน ให้ไปฟ้องศาลเอา แถมแจกของลับ ให้อีก ต่อหน้า ปลัดอำเภอ เกษตรอำเภอ นายก อบต. กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน ที่เข้ามาติดตามแก้ปัญหา จึงร้องทุกข์มา
ทีมผู้สื่อข่าวเฉพาะกิจได้ลงพื้นที่ ข้อพิพาท บริเวณ หมู่ที่ 1 ตำบลโคกโคเฒ่า อำเภอเมืองสุพรรณบุรี ตามที่ร้องเรียนมา
พบผู้ร้อง อยู่ที่ ม.1 ตำบลโคกโคเฒ่า อ.เมืองสุพรรณบุรี เจ้าของบ้านที่มีพื้นที่ติดกับแปลงผักของชาวบ้าน #นางสาวบทวรถ ฯ เล่าว่า ตนเป็นคนกรุงเทพ มาซื้อที่เมื่อต้น ปี 64
เมื่อช่วงเดือนตุลาคม - ธันวาคม ปี 64 ได้เกิดน้ำท่วม จึงไม่ได้ทำการใดใด และประมาณต้นปี 65 ได้กลับมาดูพื้นที่หลังจากน้ำลดแล้วเพื่อตรวจสอบพื้นที่เริ่มการสร้างบ้าน คนงานได้กระทบจากการฉีดยาฆ่าแมลง คนงานบางครั้งทำงานก็มึนหัว มีอาการคลื่นไส้ เหมือนกัน แต่พวกคนงานเลือกที่จะเงียบและอดทน ด้วยไม่อยากจะมีปัญหากับเพื่อนบ้าน หรือ คนในพื้นที่ และ ตามมาด้วย ยิงประทัด พลุ หรือ ปืน ไล่นก ส่วนตัวดิฉันเองยังไม่ได้เข้ามาพักอาศัย เพราะว่าบ้านยังไม่เสร็จ จึงไม่รู้ว่ามีผลกระทบขนาดไหน จนกระทั่งบ้านเสร็จก็ได้เข้ามาอยู่ประมาณ เดือนพฤษภาคม 2566
ช่วงที่เราเริ่มเข้าไปอยู่ก็มีการทำล้อมรั้ว เพราะว่าเพื่อนบ้านที่น่ารักมาก ที่ไปร้องดืฉันว่า ทำหมุดหาย และล้ำที่หลวง มาบอกกับดิฉันและคนงานว่า #ห้ามทำดินของฝั่งดิฉันหล่นไปทางบ้านเค้าเด็ดขาด แม้กระทั่ง ขี้ปูนก็ห้ามหล่น ดิฉันเจอแบบนี้ก็ไปไม่เป็นเลย ก็ได้แต่ไปคุมคนงาน ว่าให้ระมัดระวัง ห้ามมีเรื่องกระทบกระทั่งเด็ดขาด และที่สำคัญสิ่งที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้น มันก็เกิดขึ้นจนได้ การทำสวนของเค้าเริ่มมีผลกระทบกับเราโดยตรง เหตุผลเพราะว่าเค้าไม่ได้มีการป้องกันอะไรให้เราเลย นายหน่อยพูดว่า ตอนที่มาซื้อที่ก็บอกแล้วว่าที่ตรงนี้ทำสวน เราก็พูดดีดี เรารู้ว่าคุณทำสวนแต่ ที่เราดูตอนแรกมีสแลนปกคลุม ละอองการฉีดก็ยังไม่มา และการยิงไล่นกคุณก็ไม่บอก และดิฉันก็ถามกลับไปว่า วันที่เราซื้อที่ คุณไม่บอกเราเรื่องพวกนี้เลย ก็เลยถามไปตรงๆ ว่า ถ้าเรารู้ว่ามีการทำแบบนี้ คือ ทั้งฉีดยา ยิงไล่นก เผาวัชพืช คุณคิดว่า ทางเราจะซื้อเหรอ ถ้าเรารู้เราไม่ซื้อหรอกค่ะ
หลังจากนั้น ดิฉันได้ไลน์หาผู้ใหญ่บ้าน เรื่องการฉีดยา ว่า ทำอย่างไรดี ผู้ใหญ่บ้านก็ได้เข้ามาตักเตือน นายหน่อยและภรรยา แต่มันตรงข้าม กับเป็นมากขึ้น ฉีดหนักขึ้น และ
ยิงไล่นกมากขึ้น ดิฉันอดทนมาตลอดแต่ นายหน่อยก็ไม่ให้ความร่วมมือเลย จึงไปร้องขอความข่วยเหลือจากทาง อบต.โคกโคเฒ่า ให้มาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2566
ครั้งที่ 1 ดิฉันได้เขียนคำร้อง ดังนี้
1. เหตุใดจึงมาเก็บค่าใช้จ่ายในการสูบน้ำเข้าที่
2. เหตุใดจึงให้รถดินมาถมหินไปถึงหน้าบ้าน
3. เหตุใดจึงนำคนมา 20 - 30 คน บริเวณหน้าบ้าน และแจ้งว่าทางดิฉันสร้างเกินพื้นที่ทางหลวง จึงทำให้คนงานทำงานไม่ได้ หยุดงานไป 2 วัน
4. เหตุใดจึงปลูกสิ่งก่อสร้างทับทางน้ำ หรือลำคลองที่ต้องใช้ร่วมกัน
5. เหตุใดจึงยิงปืนหรือพลุไล่นก
6. เหตุใดจึงยิงปืนหรือพลุไล่นก
7. เหตุใดจึงขว้างวัชพืชบนถนนและปากทางเข้าบ้านผู้ร้อง
8. เหตุใดจึงมาฉีดยาฆ่าหญ้าฝั้งหน้าบ้านผู้ร้องทุกข์
และทาง อบต.โคกโคเฒ่า ได้ เชิญดิฉันมาพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาและไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเรื่องที่เกิดขี้น ในวันที่ 20 ธันวาคม 2566 เวลา 09.30 น. ดิฉันได้เข้าร่วมประชุมซึ่งดิฉันได้คุยและปรึกษาที่บ้านแล้วว่า เราจะอนุโลม ข้อ 1, 2, 3, 4, 7 ด้วยเรายังอยากมีมิตรภาพที่ดี กับเพื่อนบ้าน และ ลดความบาดหมางลง ยังคงเหลือ ข้อ 5, 6, 8 โดยดิฉันให้นายหน่อยฉีดยาฆ่าแมลงเป็นเวลา และขอให้ทำสแลนกันฝุ่นละอองของยาฆ่าแมลง โดนขอให้แล้วเสร็จในเดือนมกราคม 2567 และปลูกต้นกล้วยบริเวณคันบ่อเพื่อช่วยในการกรองละอองยาฆ่าแมลงอีกชั้นหนึ่ง โดยดิฉันจะปลูกไม้ยืนต้นฝั่งบ้านดิฉันเองด้วย เพื่อช่วยในการกรองยาฆ่าแมลงเข้าบ้าน ส่วนเรื่องการยิงปืนหรือพลุไล่นก ดิฉันก็ขอให้นายหน่อง จุดเป็นเวลา
ช่วงที่มีการไกล่เกลี่ยกัน ลูกชาย นายหน่อยซึ่งเป็นตัวแทน จะทำการติดต่อกับดิฉันโดยตรง คือ ถ้าจะฉีดยา จะแจ้งล่วงหน้า จนกว่าจะทำตารางปฏิทินออกมา ช่วงแรก ดิฉันได้รับ การแจ้ง จากลูกชาย นายหน่อยแต่หลังจากนั้น นายหน่อยไม่แจ้งลูกชายเลย นึกจะฉีดจะทำเมื่อไหร่ก็จะทำ สรุปไม่ทำตามข้อตกลง
หลังจากนั้น วันที่ 17 คณะเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่เพื่อมาตรวจสอบ และ
มาสอบถามนายหน่อยและภรรยา ว่าจะทำตามข้อตกลงไหม ปรากฎว่า นายหน่อยบอกว่าไม่ทำ มันยอมติดคุก และ ยอมปรับ และด่าใส่หน้าดิฉันว่า ".วย (ของลับผู้ชาย) และคำหยายๆ มากมาย ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ที่มาในวันนั้น สามารถสอบถามได้เลยค่ะ และ ทำท่ากร่างจะเข้ามาทำร้ายดิฉันในขณะที่กำลังคุยกัน
หลังจากเหตุการนั้น ทาง อบต. สรุปออกมาว่า นายหน่อยไม่ดำเนินการใดๆทั้งสิ้น และจะไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง ให้ไปฟ้องศาลเอา แต่ดิฉันก็ยังให้โอกาส ด้วย ณ วันที่ ได้พูดคุยกัน ยังไม่ถึงกำหนดในการตกลงกันไว้ก็คือ วันที่ 31 มกราคม 2567 แต่นายหน่อยก็ไม่สนใจตามข้อตกลงที่คุยกันใว้
โดยล่าสุด ทาง อบต.โคกโคเฒ่า ได้นัดดิฉันเข้ามาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทอีกครั้งในวันที่ 14:พฤษภาคม 2567 เวลา 13.00 น. นางสาว บทวรถ ฯ ได้กล่าวทิ้งท้าย ...
ส่วนความคืบหน้าทางทีมข่าวเฉพาะกิจจะรายงานให้ทราบอีกครั้ง ...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น