นายกฯ ลงใต้ 3 วัน 2 คืน
นายกฯ ลงใต้ 3 วัน 2 คืน กระตุ้นบรรยากาศท่องเที่ยวชายแดนใต้ ครอบคลุมมิติการพัฒนาเศรษฐกิจ และความมั่นคงสงบสุขในพื้นที่
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะ เดินทางร่วมกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวภายใต้โครงการ "เที่ยวใต้สุดใจ" ที่จังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เมื่อวันที่ 27-29 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา โดยมีหัวใจสำคัญคือการสร้างโอกาสเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้เจริญเติบโตพร้อมยกระดับการท่องเที่ยว ส่งเสริมการค้าการลงทุน ผลักดันให้ประชาชน มีรายได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพราะเชื่อว่า เมื่อเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ดีขึ้น ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนก็จะยกระดับมาตรฐานที่สูงขึ้น สันติสุขในพื้นที่ก็จะเกิดขึ้นมาตามลำดับ บ้านเมืองใดที่เศรษฐกิจดี สมัครสมานสามัคคีรักใคร่กลมเกลียว ผลประโยชน์กระจายไปสู่รากหญ้าอย่างทั่วถึง ประชาชนบ้านเมืองนั้นก็จะหวงแหนและรักแผ่นดินบ้านเกิด พร้อมจะปกป้อง ไม่ให้บุคคลใดหรือกลุ่มคนใดมาทำลาย บรรยากาศของความสุขไปได้ ซึ่งแน่นอนว่าการพัฒนาเศรษฐกิจ ของจังหวัดชายแดนภาคใต้จะต้องทำควบคู่ไปกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน เหตุการณ์และความรุนแรงต่างๆ จะต้องลดลง เพื่อหนุนเสริมนโยบายทั้ง 2 อย่างนี้ไปพร้อมๆกัน
โดยนายกรัฐมนตรี และคณะได้เดินทางไปยังสถานที่สำคัญ อันเป็นที่เคารพสักการะบูชา และเป็นศูนย์รวมจิตใจของทั้งพี่น้องไทยพุทธและมุสลิม ที่แสดงออกถึงวัฒนธรรมประเพณีของคนท้องถิ่นมาอย่างช้านาน อาทิ ศาลหลักเมือง มัสยิดกลางมัสยิดกรือเซะ มัสยิดเก่าแก่กว่า 450 ปี ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว วัดช้างให้ พิพิธภัณฑ์แหล่งโบราณคดีต่างๆ ตลอดจนแหล่งเศรษฐกิจอย่างเมืองเบตง ที่ถือได้ว่าเป็นหนึ่งสถานที่สำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว เพราะยังคงความเป็นธรรมชาติไว้อย่างงดงาม ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยแต่ละสถานที่ได้แสดงออกถึงความแตกต่าง และความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรม แต่จุดเด่นที่แสดงออกได้อย่างชัดเจนแก่คณะที่มาเยือน นั่นคือ ความหลากหลายทางด้านเชื้อชาติ ศาสนาเหล่านั้น พี่น้องประชาชนในพื้นที่สามารถอยู่ร่วมกันได้ภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรมนั่นเอง ซึ่งที่ผ่านมาหลังสถานหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 การบริการต่างๆ กลับมาปกติ นักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ ได้เดินทางมาเที่ยวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่ยังคงมีความเชื่อมั่นในมาตรการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่
ซึ่งการลงพื้นที่ในครั้งนี้ พลเอก เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วย พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ที่ถือได้ว่า เป็นหัวเรือหลักในการกำกับดูแลความมั่นคงปลอดภัยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เดินทางติดตามคณะนายกรัฐมนตรี เพื่อสรุปสถานการณ์ และเหตุการณ์สำคัญต่างๆในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมพูดคุยถึงแนวทางและมาตรการควบคุมพื้นที่รักษาความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน สอดรับกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดชายแดนภาคใต้ของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ ซึ่งแน่นอนว่าทั้งสองอย่างจะต้องทำควบคู่กันไป โดยระหว่างการเดินทางไปในแต่ละพื้นที่ได้รวบรวมแนวคิด ความคิดเห็นประเด็นปัญหาต่างๆ จากพี่น้องประชาชน ตลอดจนเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานคลุกคลีกับพื้นที่ รวมไปถึงผู้นำท้องที่,ผู้นำท้องถิ่น,ผู้นำศาสนา ในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลลงสู่พี่น้องประชาชน เป็นการหาโอกาส และศักยภาพของคนภาคใต้ในด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว วัฒนธรรม ด้วยการบูรณาการร่วม ทหาร ตำรวจกำลังภาคประชาชน ตลอดจนพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ช่วยกันสร้างบรรยากาศของการท่องเที่ยว ควบคู่ไปด้วยกันกับความปลอดภัย
จากการร่วมคณะติดตามลงพื้นที่ดังกล่าว แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า "สิ่งสำคัญเมื่อพูดถึงประเด็นปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ยังคงเป็นความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ เหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆ ที่จะลดทอนความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชนที่รวมไปถึงนักท่องเที่ยว ในการจะเดินทางมา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาเที่ยวชายแดนภาคใต้อย่างไร ให้มีความปลอดภัย มีความสุขใจ และเก็บประสบการณ์เหล่านั้นไปบอกต่อได้อย่างภาคภูมิใจ ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ได้เล็งเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจ เพราะจะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมา ปัญหาดังกล่าว กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ยังคงยืนยัน และขอให้เชื่อมั่นการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะเรายึดหลักที่ว่าพื้นที่ปลอดเหตุ ประชาชนจะต้องปลอดภัย วันนี้คณะได้เข้าใจถึงบริบทของสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มาสัมผัสบรรยากาศต่าง ๆ อย่างถ่องแท้ เพื่อที่จะได้บูรณาการคู่ขนานกันไประหว่างเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิต ความสงบสุขของคนในพื้นที่ เป็นการพัฒนาหนุนเสริมกันไป"
นราธิวาส/ข่าว-นูอารีซ๊ะ ยะยือริ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น