ตม.รวบ 2 จีน
ตม.รวบ 2 จีน สวมตัวเป็นแคนาดา คา Gate
ภายใต้การอานวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.,
ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสาคัญ
พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2, พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม.,
พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง
รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ นิลมงคล รอง ผบก.ตม.2, พ.ต.อ.ณัฐกิตติ์ มีสุข
ผกก.สส.ปป.บก.ตม.2, พ.ต.อ.รัฐพงศ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม.
1. รวบ 2 จีน สวมตัวเป็นแคนาดา คา Gate พร้อมหนังสือเดินทางปลอม
กก.สส.ปป.บก.ตม.2 จับกุม MR.JIANBO (นามสมมติ) อายุ 48 ปี สัญชาติจีน และ MR.PINHUA (นามสมมติ)
อายุ 49 ปี สัญชาติจีน โดยกล่าวหาว่า มีหรือมีไว้เพื่อใช้ซึ่งหนังสือเดินทางปลอมฯ นาตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.สส.
บก.ตม.3 ดาเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต.หนองปรือ อ.บางพลี จว.สมุทรปราการ
กก.สส.ปป.บก.ตม.2 ได้รับการประสานจากสายการบิน EVA Air ว่าพบผู้โดยสารชาวจีนต้องสงสัยจานวน
2 คน นาหนังสือเดินทางแคนาดา มาแสดงต่อพนักงานสายการบินเพื่อจะเดินทางไปเมืองไทเป ประเทศไต้หวัน แล้ว
เปลี่ยนเครื่องไปเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา แต่ไม่พบประวัติการเดินทางออกมาจากประเทศแคนาดามาก่อน และ ไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ จึงได้ไปตรวจสอบ พบคนต่างด้าวตามที่ได้รับแจ้งบริเวณทางออกขึ้นเครื่อง Gate E3
จึงไดน้ าหนังสือเดินทางประเทศแคนาของผู้โดยสารทั้ง 2 คน มาตรวจสอบ ผลการตรวจสอบพบว่าเป็นหนังสือเดินทาง แคนาดาปลอม และจากการตรวจค้นกระเป๋าสัมภาระพบหนังสือเดินทางจีนที่บุคคลทั้งสองนาติดตัวมาใช้เดินทางออก
จากเมืองโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา มายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมีแผนการเดินทางคือจะใช้หนังสือเดินทาง
แคนาดาปลอมที่ได้ซื้อมาจากเอเย่นในเมืองโคลอมโบ เพื่อขึ้นเครื่องไปเมืองไทเป ประเทศไต้หวัน จุดหมายปลายทาง เพื่อลักลอบเข้าเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา จากการประสานงานตรวจสอบสถานภาพพลเมืองของทั้งสองคนกับ
สอท.แคนาดา ประจาประเทศไทย รับแจ้งว่า ข้อมูลที่ปรากฏในหนังสือเดินทางแคนาดาของทั้งสองคน ไม่ตรงกับ ฐานข้อมูลของทางการแคนาดา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงจับกุมคนต่างด้าวทั้งสองในความผิดฐาน "มีหรือมีไว้เพื่อใช้
ซึ่งหนังสือเดินทางปลอมฯ" นาตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.สส.บก.ตม.3 ดาเนินการตามกฎหมายต่อไป
2
2. จับนายหน้ารถตู้ขนแรงงานต่างด้าวหลบหนีหมายจับนาน 5 ปี นาส่งชายแดนไทย-พม่า โดยฝ่าฝืน
กฎหมาย พร้อมก่อเหตุลักทรัพย์นายจ้างกว่า 200,000 บาท
กก.4 บก.สส.สตม. จับกุม นายอ่อง (นามสมมติ) อายุ 33 ปี สัญชาติเมียนมา ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดระนอง ที่ จ.136/2564 ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 ต้องหากระทาความผิดฐาน “ร่วมกันช่วยเหลือ ซ่อนเร้น
หรือช่วยด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคาส่ังของ เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามพระราชบัญญัติควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ.2558 นาตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากจั่น
จว.ระนอง ดาเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุมบริเวณบ้านพักริมคลองบางบอน แขวงบางบอน เขตบางบอน กรงุ เทพฯ
สืบเน่ืองจาก
เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2564 เวลาประมาณ 05.30 น. เจ้าหน้าที่ตารวจ เจ้าหน้าที่ทหาร ได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ขับขี่รถพยาบาล 2 ราย โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันช่วยเหลือ ซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม, และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคาสั่งของเจ้าพนักงานควบคุม โรคติดต่อ ตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ.2558” พร้อมจับกุมตัวแรงงานชาวเมียนมาจานวน 10 คน โดยกล่าวหาว่า “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคาสั่งของ เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ.2558”
จากการสอบถามผู้ขับขี่ให้การรับสารภาพว่าเมื่อวันที่26ตุลาคม2564 ได้รับจ้างขนแรงงานชาวเมียนมา ให้กับนายอ่อง โดยได้ขับรถไปรับนายอ่องในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อไปรับแรงงานต่างด้าวในพื้นที่จังหวัดระนอง บริเวณ ปากซอยก่อนถึงโรงแรมนลิน เพลส ระนอง ประมาณ 100 เมตร และได้ร่วมเดินทางกลับพร้อมแรงงานต่างด้าว เมื่อมาถึงสี่แยกไฟแดง อ.กระบุรี จว.ระนอง นายอ่องขอลงรถอ้างว่าจะกลับไปบ้านที่ย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา และได้ หลบหนีไป ต่อมาศาลจังหวัดระนองได้อนุมัติหมายจับ ที่ จ.136/2564 ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 ให้จับนายอ่อง ในความผดิ ฐาน “ร่วมกันช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจาก การจับกุม ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคาสั่งของ เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามพระราชบัญญัติควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ.2558”
จากการสบื สวนของ กก.4 บก.สส.สตม. สืบทราบว่านายอ่อง ได้เข้ามาในประเทศไทยและได้มาพัก อาศัยอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ จึงได้ทาการสืบสวนจนทราบว่านายออ่ ง ได้พักอาศัยอยู่ที่ห้องเช่าแห่งหนึ่งย่านบางบอน จึงได้ ทาการเฝ้าติดตามจนกระทั่งพบตัวนายอ่อง จึงได้ทาการจับกุมตามหมายจับดังกล่าว ในเบื้องต้นนายออ่ งได้รับสารภาพ ว่าในช่วงที่ประเทศไทยมีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตนได้ทาหน้าที่เป็นนายหน้า ในการนาแรงงานชาวเมียนมาเข้ามายังประเทศไทย ผ่านชายแดนจังหวัดระนอง และจัดหารถตู้วิ่งรับและนาแรงงาน ชาวเมียนมาเข้ามาในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครและกรุงเทพฯ ได้ค่าจ้าง ประมาณ 10,000 บาท/คน ซึ่งรายได้ค่อนข้างดี จึงได้เป็นนายหน้าในการหาคนเข้ามาทางานเรื่อยมาจนถงึ ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้นาตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดาเนินการตามกฎหมายต่อไป
บก.สส.สตม. ได้ทาการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่านายอ่องได้ก่อเหตุลักทรัพย์นายจ้าง เหตุเกิดในพื้นที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ไปจานวนหลายครั้ง ความเสียหายกว่า 2 แสนบาท จึงไดป้ ระสาน สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อทาการอายัดตัว ผู้ต้องหารายดังกล่าวต่อไป
3
3. รวบหนุ่มปากีสถานอัพโหลดภาพเปือยสาวหลังมีความสัมพันธ์ลงแอพลิเคชั่น
กก.4 บก.สส.สตม. จับกุมนายซาบาส (นามสมมติ) อายุ 32 ปี สัญชาติปากีสถาน ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 835/2566 ลงวันที่ 12 กันยายน 2566 ต้องหาว่ากระทาความผิดฐาน นาเข้าสู่ระบบ คอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ นาตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ดาเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม หน้าหอพักในซอยรามคาแหง 24 แยก 8 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ
การจับกุมผู้ต้องหารายนี้สืบเนื่อง บก.สส.สตม. ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากหญิงไทยรายหนึ่งว่า ได้ถูกอดีตสามีซึ่งเป็นชาวปากีสถานแอบถ่ายภาพโป้เปลือยกายของตนแล้วนาไปโพสต์ลงบน facebook และ instragram จนได้รับความอับอายและเสียหาย จึงได้สั่งการให้ กก.4 บก.สส.สตม. ทาการสืบสวนกรณีดังกล่าว จากการ สืบสวนทราบว่าชาวปากีสถานดังกล่าวคือ นายชาบาส (นามสมมติ) อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา กรุงเทพใต้ ที่ 835/2566 ลงวันที่ 12 กันยายน 2566 ต้องหาว่ากระทาความผิดฐาน นาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่ง ข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ โดยนายชาบาส ได้หลบซ่อนตัวอยู่ในห้องพักแห่งหนึ่งย่านรามคาแหง จึงได้ไปเฝ้าติดตามจนกระทั่งพบนายชาบาส จึงได้ทาการจับกุม ตามหมายจับดังกล่าว จากการสอบถามนายซาบาส ในชั้นจับกุมให้การว่าได้ทาการสร้างเฟสอวตาร (เฟสปลอม) และ อินสตราแกรมอวตาร (ปลอม) จากนั้นได้นาภาพถ่ายโป๊เปลือยกายของอดีตภรรยาที่ได้แอบถ่ายไว้ไปโพสต์ลงบนโซเชียล ดังกล่าวจริง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้นาตัวนายชาบาส ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดาเนินการตามกฎหมายต่อไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น