กก.วิเคราะห์ข่าวฯ สอท.3 รวบแก๊งแอบอ้าง เป็นตำรวจ

“กก.วิเคราะห์ข่าวฯ สอท.3 รวบแก๊งแอบอ้าง เป็นตำรวจ หลอกติดตั้งแอพ “DSI ปลอดภัย” ดูดเงินเกลี้ยงบัญชี”

ตามสั่งการของผู้บังคับบัญชา กองบังคับการตำรวจ สืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.สอท.3) กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ให้ระดมกวาดล้างผู้ต้องหาตามหมายจับ ในคดี ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสังคม และเกิดผลความเสียหายที่กระทบต่อประชาชนทั่วไปเป็นอย่างมาก 

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ  สอท.3 ได้ร่วมกันทำการจับกุมตัว น.ส.ปณิตาหรือมิ้น    อายุ 30 ปี   ผู้ต้องหาตามหมายจับของ ศาลอาญา ที่ 496/2566 ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566 โดยกระทำความผิดฐาน “ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ,ร่วมกันเป็นอั้งยี่ ,ร่วมกันเป็นซ่องโจร ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น ,โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ,ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน และร่วมกันฟอกเงิน ”

โดยเจ้าพนักงานตำรวจได้รับแจ้งจากสายลับว่า น.ส.ปณิตาหรือมิ้น  ผู้ต้องหาได้โดยสารมากับรถไฟเที่ยวล่องที่ 8 (ชม.-สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์) เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัว และแสดงหมายจับให้ น.ส.ปณิตาหรือมิ้น    ดูและอ่านข้อความในหมายจับให้ได้ทราบ จนข้าใจดีแล้ว น.ส.ปณิตา หรือมิ้น  รับว่า เป็นบุคคลคนเดียวกันกับผู้ต้องหาในหมายจับที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำมาแสดงให้ดูจริง และไม่เคยถูกจับกุมตามหมายจับนี้มาก่อน จึงได้ควบคุมตัว น.ส.ปณิตาหรือมิ้น   เพื่อทำการบันทึกจับกุม แล้วนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.สอท.3 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

พฤติการณ์ขณะเกิดเหตุ คนร้ายกับพวกแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี 
มี น.ส.ปณิตาหรือมิ้น  ผู้ต้องหาตามหมายจับนี้ ทำหน้าที่ฝ่ายเอกสาร ปลอมแปลงเอกสารต่างๆ เพื่อส่งไปหลอกลวงเหยื่อทางแอพพลิเคชันไลน์ ประกอบการสร้างความน่าเชื่อถือกับการสมอ้างกับคนร้ายที่แต่งกายเครื่องแบบตำรวจ ที่วีดีโอคอลไลน์หลอกเหยื่อในขณะเดียวกัน โดยหลอกลวงผู้เสียหายว่ามีคนนำเอาเอกสารผู้เสียหายปลอมแปลงเช่ารถยนต์และเป็นผู้ต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับการขนย้ายยาเสพติดและฟอกเงิน ซึ่งผู้เสียหายไม่ทราบเรื่อง จากนั้นได้หลอกลวงให้ผู้เสียหาย เปลี่ยนโทรศัพท์เป็นระบบ Android  เพื่อติดตั้งแอป “DSI ปลอดภัย” พร้อมส่งลิ้งค์มาให้ผู้เสียหายติดตั้งดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น “DSI ปลอดภัย” ในโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายเพื่อตรวจสอบความบริสุทธิ์ของเส้นทางการเงินและล็อคบัญชีไม่ให้มีผู้ใดมาใช้ เมื่อติดตั้งเสร็จเรียบร้อย พบภายหลังว่าเงินหายจากบัญชีธนาคารของผู้เสียหายทั้งสองบัญชี มูลค่าความเสียหายรวม 3,291,971.80 บาท


#ชัดทุกกระแส

ความคิดเห็น

ข่าวฮอตชัดทุกกระแส

วิเคราะห์ เจาะลึก วัตถุมงคลหลวงพ่อพัฒน์ วัดห้วยด้วน

“ธรรมาภิบาล”เร่งหารือ กกต.ให้จัดการเลือกตั้งใหม่

ฟุตบอลสูงอายุชิงถ้วย ร.10 68 ทีมร่วมฟาดแข้ง

ชมรมทหารพราน ค่ายปักธงชัย แจกข้าวสาร อาหารแห้ง ณ​ ชุมชนชาวคลองลัดภาชี

ราชกรีฑาสโมสรจัดศึกกีฬาม้าแข่งไร้พนันชิงชัยแบบนิวนอร์มัล

ไทย ต้านไม่ไหว พ่ายญี่ปุ่น 0-7

ทนายอนันต์ชัย โพสต์ FB ระบุ