“จุรินทร์” ประกาศความพร้อม

“จุรินทร์” ประกาศความพร้อม มั่นใจเลือกตั้งเที่ยวหน้า “ประชาธิปัตย์คัมแบคแน่นอน”
 
(2 ต.ค. 65) เวลา 10.00 น. โรงแรมอวานี พลัส เกาะลันตา จ.กระบี่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้กล่าวเปิดงานสัมมนา ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจัดขึ้นที่ โรงแรมอวานี พลัส เกาะลันตา จ.กระบี่ ว่า 

วันนี้ถือเป็นโอกาสพิเศษอีกครั้งหนึ่งของพรรค ที่เมื่อปิดสมัยการประชุมทุกครั้ง เราจะมีการสัมมนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ติดตามสถานการณ์และกำหนดทิศทางในการขับเคลื่อนงานด้านการเมืองของพรรคต่อไป ครั้งนี้คงจะเป็นครั้งที่เราต้องติดตามสถานการณ์ทางการเมืองใกล้ชิดยิ่งขึ้น เพราะสภาเข้าสู่ปีสุดท้าย ปีที่ 4 แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่เพิ่งปรากฏออกมาเมื่อวันที่ 30 ที่ผ่านมา เหตุที่เริ่มต้นตรงนี้ ก็เพราะว่าต้องถือว่าคำวินิจฉัยนี้เป็นปัจจัยหนึ่งที่จะเป็นตัวฉายภาพการเมืองไทย ถัดจากนี้ต่อไปในอนาคต ซึ่งคำวินิจฉัยนี้แม้จะเกี่ยวพันกับเรื่องกรณีท่าน พล.อ.ประยุทธ์ เฉพาะตัวก็ตาม แต่ว่าผลก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการฉายภาพบางเรื่อง

ความจริงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่เราติดตามก็ชัดเจนแล้วว่า วาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะนับเนื่องต่อไปรวมกันแล้วเกิน 8 ปีไม่ได้นั้น ให้นับหนึ่งตั้งแต่รัฐธรรมนูญนี้มีผลบังคับใช้ ซึ่งรัฐธรรมนูญนี้ มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2560 เพราะฉะนั้นเมื่อนั่งนับนิ้วดู วันนี้กี่ปีแล้ว ถือว่า 5 ปี 5 เดือน เมื่อก้าวเข้าสู่เดือนตุลาคม เพราะฉะนั้นเหลือเวลาตัวเลขกลมๆ ที่ครบเทอม สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ก็ประมาณ 2 ปี 

ทีนี้ในส่วนของรัฐบาล รัฐบาลก็ยังเดินหน้าในการบริหารราชการแผ่นดินต่อไปได้ ภารกิจสำคัญของรัฐบาลก็คือภารกิจในการเข้าสู่ช่วงครึ่งปีสุดท้ายของรัฐบาลชุดนี้ ภารกิจสำคัญที่สุดที่ได้คัดมา มี 2 เรื่อง 

1. รัฐบาลต้องทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพการประชุม เอเปค ซึ่งความจริงประชุมมาตั้งแต่ต้นปี และตนนั่งเป็นประธานคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เอเปค มาแล้วในช่วงต้นปี และสำเร็จเรียบร้อย ลุล่วงด้วยดี เอเปค ประกอบด้วย 21 เขตเศรษฐกิจของโลก เอเชียแปซิฟิค ที่ไม่เรียกประเทศ เพราะมีบางเขตที่มีปัญหาทางการเมือง เช่น ไต้หวัน หรือบางเขตเศรษฐกิจ ปลายปีนี้ ประมาณ พ.ย. ก็จะเป็นการประชุม เอเปค ซัมมิท คือประชุมสุดยอดผู้นำเขตเศรษฐกิจซึ่งระดับนายกรัฐมนตรี ระดับประธานาธิบดี หรือผู้นำด้านการบริหารราชการแผ่นดินของแต่ละเขต ก็จะมาร่วมประชุม อันนี้จึงเป็นภารกิจที่ 1 ที่รัฐบาลก็คงจะต้องทำ 

2. ที่ต้องทำควบคู่กันไปหนีไม่พ้น คือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งเรื่องหนึ่ง และถ้ามองภาพทางด้านเศรษฐกิจก็ต้องยอมรับว่า ขณะนี้ตัวขับเคลื่อน GDP ของประเทศที่สำคัญที่สุดตัวหนึ่งก็คือการส่งออก ซึ่งอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และกลไกที่เกี่ยวข้อง ซึ่งพูดได้เต็มปากว่า เราสามารถทำงานร่วมกับเอกชน ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง ปีที่แล้ว เราสามารถสร้างเงินให้กับประเทศ เฉพาะการส่งออก 8.5 ล้านล้านบาท และปีนี้ตั้งเป้าไว้ 9 ล้านล้าน ก็มั่นใจว่าถึงเป้าแน่นอน เพราะฉะนั้นตัวจักรสำคัญที่ทำให้หล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจประเทศ GDP ไปได้คือตัวนี้ ส่วนท่องเที่ยวเป็นอีกตัวหนึ่ง แต่ยังไม่สามารถเดินหน้าได้เต็มสูบ เป็นเพียงตัวเสริมตัวหนึ่ง รอจนกว่าสถานการณ์โลกจะคลี่คลายทั้งหมด นักท่องเที่ยวเดินทางได้โดยระบบปกติ ตรงนั้นการท่องเที่ยวจะเข้ามาตีคู่กับการส่งออกเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 

ตัวจักรสำคัญอีกอันที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ที่หนีไม่พ้น คือราคาพืชผลการเกษตร เพราะตัวนี้เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้กับประเทศ และนโยบาย “ประกันรายได้ของพรรคประชาธิปัตย์” ซึ่งเป็นเงื่อนไขก่อนการเข้าร่วมรัฐบาล จนกระทั่งกลายมาเป็นนโยบายรัฐบาลนี้ คือตัวจักรสำคัญอีกตัวหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพราะ “ประกันรายได้” คือตัวกระจายเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ทำให้เศรษฐกิจฐานรากในช่วง 3 ปีเศษที่ผ่านมาเดินหน้าไปได้ แม้เราต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด และสถานการณ์การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก รวมไปถึงแม้ต้องเผชิญกับสถานการณ์สงครามการค้า สถานการณ์สงครามรัสเซีย – ยูเครนก็ตาม 

“นี่คือภาพรวมที่อยากให้พวกเราได้เห็น และให้พวกเราได้ร่วมกันภาคภูมิใจว่า 3 ปีเศษ ในการร่วมรัฐบาลชุดนี้ ประชาธิปัตย์สร้างผลงานได้เกินตัว เรามี 52 ผมมั่นใจว่าผลงานนี้เกิน 52 เสียงที่เรามีอยู่” 

ภารกิจของพรรค ที่เราจะต้องทำถัดจากนี้ไปในช่วง 6 เดือน ก่อนที่สภาชุดนี้จะหมดวาระ ก็คือ 2 เรื่อง
เรื่องที่ 1 เราต้องทำหน้าที่พรรคร่วมรัฐบาลต่อไป เพราะรัฐบาลนี้ยังอยู่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็กลับมาปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามปกติ หลังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรที่เรียกว่ารัฐบาล ก็ยังประกอบด้วยองค์ประกอบดังเดิมทุกประการ เพราะฉะนั้นหน้าที่ของเราก็คือ เราต้องทำหน้าที่ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งในทางการเมืองที่จะต้องทำให้รัฐบาลขับเคลื่อน แก้ปัญหาประชาชน ปัญหาประเทศ และต้องบริหารราชการแผ่นดินในกระทรวง หน่วยงานทั้งหมดที่เราต้องรับผิดชอบ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องทำในฐานะรัฐบาลก็คือ เราก็ต้องเร่งสร้างผลงานอย่างต่อเนื่อง ให้เป็นรูปธรรม ให้เป็นประโยชน์สูงสุดกับส่วนรวมและบ้านเมือง 

อีกเรื่องหนึ่งที่ มันจะทวีความสำคัญมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับ คือการแสดงจุดยืน ทั้งในทางการเมือง และการบริหารราชการแผ่นดิน ที่เราจะต้องยืนหยัดในสิ่งที่ถูก ที่ควร เพื่อประโยชน์ส่วนรวม เพื่อประโยชน์สูงสุดของคนไทยทั้งประเทศ นี่คือสิ่งที่เราต้องทำ

“เพราะผมมั่นใจว่า ประชาธิปัตย์ วันนี้แม้เรามี 52 แต่ประชาธิปัตย์คือพรรคการเมืองหนึ่งที่ผมเชื่อว่า ยังเป็นที่พึ่งที่หวังของคนไทยทั้งประเทศ และประชาธิปัตย์วันนี้ก็ยังเป็นความหวังของคนทั้งประเทศได้อยู่ เราต้องกล้ายืนหยัดในความถูกต้อง และสิ่งที่ยังประโยชน์สูงสุด โดยไม่หวั่นไหว และจุดผู้บริหารพรรคก็จะเป็นอย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม แม้แต่สถานการณ์รายละเอียดที่เราต้องยืน เราก็ยืน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง กยศ. ที่พรรคเราชัดเจน เพราะเราต้องการสร้างสิ่งที่ยั่งยืนให้กับประเทศ ไม่ชั่วคราว ฉาบฉวย เรื่องกัญชา เราก็ต้องยืนหยัดในสิ่งที่ถูก ที่ควร เพื่อประโยชน์สูงสุดของส่วนรวม และประโยชน์สูงสุดของอนาคตของประเทศ หรือ ฯลฯ ทุกเรื่อง”

หน้าที่ที่ 2 ก็คือการเตรียมการเลือกตั้ง ที่หนีไม่พ้นแล้ว เข้าสู่โหมดเลือกตั้งแล้วแน่นอน เหลือเวลาอีก 6 เดือนของสภาชุดนี้ ซึ่งในเรื่องการเตรียมการเลือกตั้ง พรรคก็มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมไปตามสมควร เราทำมาก่อนหน้านี้แล้ว ประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองพรรคแรกๆ ที่ประกาศตัวผู้สมัครทยอยไปหลายจังหวัด ก่อนที่พรรคการเมืองอื่นๆ เขาจะขยับ เพราะเราเล็งเห็นแล้วว่า เป็นภารกิจที่เราหนีไม่พ้น และเป็นเรื่องของการเตรียมการสำหรับความพร้อม ถ้าเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้น ไม่ว่าวินาทีใดก็ตาม 

แต่อีกครั้งหนึ่งที่เป็นทางการก็คือ การจัดตั้งคณะกรรมการเตรียมการเลือกตั้งขึ้น ซึ่งได้ลงนามในการตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมาแล้ว มีหัวหน้าพรรคเป็นที่ปรึกษา มีเลขาธิการพรรคเป็นประธานคณะกรรมการเตรียมการเลือกตั้ง มีท่านนิพนธ์ บุญญามณี เป็นเลขาของคณะกรรมการ และรับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการเตรียมการเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากนั้นก็มีรองหัวหน้าพรรค ประธานคณะทำงานชุดต่างๆ มีรองเลขาธิการพรรค และบุคคลที่มีความเหมาะสม ตามโครงสร้างการบริหารจัดการของพรรค แต่ถัดจากนี้การขับเคลื่อนจริง คงจะต้องมีคณะทำงานอีกชุดหนึ่ง ซึ่งเป็นชุดเล็กชุดปฏิบัติการจริง เหมือนกับในอดีตที่พรรคประชาธิปัตย์มีกรรมการบริหารพรรค 45 คน มีหัวหน้า รองหัวหน้า เลขาธิการพรรค ว่ากันไป แต่ 45 นี้คือโครงสร้างการบริหารจัดการ เมื่อต้องลงมติ เมื่อต้องบริหารจัดการในเชิงยุทธศาสตร์ภาพรวม แต่ตัวขับเคลื่อนการบริหารพรรค ตัวจริงที่จะต้องนั่งทำงานเต็มเวลาทุกวัน คือคณะผู้บริหารพรรค 15 คน เลือกจากกรรมการบริหารพรรค 45 คน ชุดนี้อาจจะไม่ถึงกับ 100% เหมือนกับคณะผู้บริหารพรรค แต่จะเกิดขึ้นเป็นตัวขับเคลื่อนการเลือกตั้งที่ต้องนั่งทำงานเต็มเวลาตัวจริง แทนคณะกรรมการเตรียมการเลือกตั้ง และแทนพวกเราทุกคน ซึ่งได้เรียนกับท่านเลขาธิการพรรค และท่านนิพนธ์ แล้วว่าให้เตรียมดำเนินการในเรื่องนี้ เพราะในการจัดตั้งคณะกรรมการเตรียมการเลือกตั้งก็ได้ให้อำนาจหน้าที่ไว้ชัดเจนแล้ว อย่างน้อย 3 ข้อ 

1. บริหารจัดการเกี่ยวกับการเตรียมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ 
2. มีอำนาจในการแต่งตั้งคณะทำงานที่จำเป็น ตามความเหมาะสมเพื่อบรรลุเป้าหมายในการเตรียมการเลือกตั้ง 
3. ดำเนินการอื่นๆ ตามที่หัวหน้าพรรคมอบหมาย 

ซึ่งชุดนี้ก็สามารถเกิดขึ้นได้ถัดจากนี้ไป เพื่อจะได้ลงมือทำงานเต็มเวลาตัวจริง แทนพวกเราที่หลายคนเป็นกรรมการแต่ต้องลงพื้นที่ โดยท่านนิพนธ์จะเป็นเลขา และเลขาธิการพรรคจะเป็นประธาน

สำหรับเป้าหมายของการเตรียมการเลือกตั้งครั้งนี้ แน่นอนว่า ท่านเลขาธิการพรรคก็เคยประกาศไปแล้ว และตนก็เคยพูดไปแล้วในหลายโอกาส อย่างน้อยเป้าหมาย 2 ข้อที่เราจะต้องบรรลุ 
1. ผู้แทนราษฎรของพรรคทุกคนที่ยังยืนหยัดมั่นคงอยู่กับพรรค ต้องกลับมาทั้งหมด เพราะฉะนั้นพรรคพร้อมทุ่มเทสรรพกำลังทั้งหลายทั่วปวง เอาพวกเรากลับมาในการเลือกตั้งครั้งหน้า 
2. เราจะต้องเดินหน้าไปสู่เป้าหมายที่จะต้องทำให้เราได้รับการยอมรับจากประชาชนมากกว่าเดิม กว่าการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว 

อย่างน้อยเป็น 2 ข้อที่พวกเราต้องจับมือกันเดินไปข้างหน้าให้ได้ถัดจากนี้ไป

ส่วนภารกิจสำคัญในการเตรียมการเลือกตั้ง พวกเราทุกคนคงทราบ แต่อยากสรุปให้เห็นภาพเพื่อให้ทุกคนเข้าใจร่วมกันว่า พรรคกำลังขับเคลื่อนไปในรูปแบบไหนอย่างไร อย่างน้อยที่สุด 
1. ผู้สมัคร ต้องเตรียม ทั้งผู้สมัครเขต ผู้สมัครบัญชีรายชื่อ ระบบเลือกตั้งเที่ยวหน้าบัตร 2 ใบ เขต 400 เขต บัญชีรายชื่อ 100 คน เพราะฉะนั้นผู้สมัครเขต 400 คนต้องเตรียม ที่จริงก็เตรียมไว้แล้ว ก็ต้องเติมในส่วนที่ยังขาด หรือต้องรีบตัดสินใจในส่วนที่ยังตัดสินใจไม่ได้ เพราะผู้สมัครเกิน กระบวนการของพรรคก็เดินหน้าต่อไป กับผู้สมัครบัญชีรายชื่อ 100 รายชื่อ ที่เราก็ต้องช่วยกันเตรียมต่อไป
2. นอกจากผู้สมัคร ก็คือนโยบายของพรรคในภาพรวม ขณะนี้ ท่านพิสิฐ ลี้อาธรรม ก็เป็นประธานคณะกรรมการนโยบายพรรค ทำไปเยอะ ไปไกลแล้ว และมีทีมงาน ทีมการสื่อสารที่เตรียมการไป ตอนนี้ท่านนิพนธ์ ผู้อำนวยการเตรียมการเลือกตั้งของพรรคก็เข้ามาสอดประสานกัน แล้วเตรียมการในการที่จะเชิญพวกเรามาให้ความเห็นก่อนที่จะประกาศเป็นนโยบายพรรคต่อไป ทุกคนจะมีโอกาสมีส่วนร่วม แต่ขอให้เขาได้ทำต้นร่างที่ตกผลึกพอสมควรก่อน ไม่ใช่ว่ามาคิดทำเดี๋ยวนี้ แต่ทำมานานแล้ว และตกผลึกไปหลายเรื่อง เพียงแต่บางเรื่องเป็นเรื่องใหม่ที่ต้องเพิ่มเติมตามสถานการณ์ และเราคิดว่าประชาชนต้องการคำตอบเพิ่มเติม เราก็ต้องสนองตอบต่อความต้องการของประชาชน นี่คือนโยบายพรรค 

อันที่ 2 ที่ต้องมี คือนโยบายภาค ประชาธิปัตย์เที่ยวหน้า ต้องมีนโยบายภาค ในการที่จะไปบอกกับประชาชน ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง 

“ผมก็พูดดังๆ กับประชาชนทั้งประเทศด้วย เราทำในสิ่งที่เปิดเผยเพื่อบอกกับประชาชนวันนี้ด้วย ว่าประชาธิปัตย์จะมีทั้งนโยบายพรรค และนโยบายภาค ประกันรายได้ ถัดจากนี้จะไม่มีแต่ประกันรายได้เกษตรกร แต่จะขยายการประกันครอบคลุมไปถึงคนกลุ่มอื่นๆ ด้วย ขอพูดไว้เท่านี้ให้พวกเราได้เห็นภาพในเรื่องนโยบายของพรรค” 

นอกจากการเตรียมผู้สมัคร การเตรียมนโยบาย เราก็ต้องเตรียมการเลือกตั้งในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคณะทำงานต่างๆ ที่จะต้องเกิดขึ้น ในเรื่องยุทธศาสตร์การเลือกตั้งทั้งหมด ก็ขอให้เป็นหน้าที่ของผู้ที่มีหน้าที่ตอนนี้อย่างน้อยก็ในส่วนของท่านเลขาธิการพรรค กับท่านนิพนธ์ กับพวกเราทุกคนที่อยู่ ที่จะมาช่วยกัน รวมทั้งตนด้วย และจะต้องหาโอกาสปรึกษากับท่านประธานสภาที่ปรึกษาเป็นระยะต่อไปด้วย เพราะท่านเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในการให้ความคิดความอ่านกับพวกเราได้เป็นอย่างดียิ่ง และที่ผ่านมาท่านก็ช่วยให้ความคิดความอ่านกับพวกเราตลอดมา ในฐานะที่ทำให้เราสามารถเดินหน้าไปได้ด้วยความเรียบร้อย ราบรื่น และประสบความสำเร็จ 

สุดท้าย คงต้องแปลงศูนย์เตรียมการเลือกตั้ง เป็นศูนย์อำนวยการเลือกตั้งต่อไปในอนาคต เมื่อถึงเวลานั้นต่อไป ถัดจากนี้ขอมอบภารกิจให้รองภาค ซึ่งจะเป็นผู้เตรียมการ 
1. ขอให้เตรียมผู้สมัครเขต และเตรียมเสนอรายชื่อผู้สมัครบัญชีรายชื่อ มาที่หัวหน้าพรรค ว่าท่านเห็นว่าในภาคของท่าน บุคคลใดเหมาะสมที่จะลงสมัครบัญชีรายชื่อ แต่ไม่ได้แปลว่าต้องตามนั้น ทั้งหมดก็ต้องผ่านขั้นตอนกระบวนการกรรมการสรรหา และการตัดสินของคณะกรรมการบริหารพรรค ตามขั้นตอนกระบวนการต่อไป แต่ขอให้ช่วยทำต้นเรื่อง ส่วนจะเป็นไปตามนั้นหรือไม่ ก็เป็นหน้าที่กรรมการบริหารพรรคที่จะต้องพิจารณาต่อไป แต่ขอให้รองภาคช่วยทำต้นเรื่อง ภาคของท่านอาจจะมีผู้สมัครบัญชีรายชื่อ 30 ที่เสนอมา อีกภาคนึง 20 อีกภาคนึง 50 อีกภาคนึง 35 ก็ว่ากันไป เกินร้อยก็เป็น 250 เดี๋ยวพรรคก็มาคัดมาดูกันตามกระบวนการ
2. มอบให้เร่งสรุปนโยบายภาค ซึ่งได้มอบหมายไปก่อนหน้านี้แล้วประมาณ 1-2 เดือน ตอนนี้ทราบว่าหลายภาคอยู่ในขั้นตอนกระบวนการ ก็ขอให้เร่งสรุป ทั้งหมดนี้ขอให้เสร็จภายใน 2 สัปดาห์นับจากวันนี้ไป และขอมอบให้ผู้อำนวยการเตรียมการเลือกตั้งได้ทวงถามต่อไป 
สำหรับผู้สมัครในภาพรวม ก็จะมีคนใหม่ๆ เดินเข้าพรรคอีกหลายคน เพราะหลายคนก็มักจะกระซิบถามผมว่ามีอีกหรือเปล่า มีครับ และจะมีทั้งคนรุ่นใหม่ และคนที่มีศักยภาพ ที่จะเดินเข้ามาร่วมอุดมการณ์กับพรรค และพร้อมลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งหน้า ทั้งที่เคยเป็น ส.ส. และคนที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ มีศักยภาพที่จะมาทำงานร่วมกันกับพรรคต่อไป 

“ผมอยู่ในพรรคมาหลายยุค เห็นการเตรียมการเลือกตั้งมาหลายครั้ง ครั้งนี้ผมเรียนว่า เป็นอีกครั้งหนึ่งที่พรรคมีความพร้อมไม่แพ้หลายยุคที่ผ่านมา และพร้อมที่จะเดินหน้าก้าวเข้าสู่การเลือกตั้ง เพียงแต่ขอให้พวกเราทุกคนช่วยกันทุ่มเท หนักแน่น และเป็นเอกภาพ ผมมั่นใจว่า ถ้าเราทำได้อย่างนี้ เที่ยวหน้าประชาธิปัตย์คัมแบคแน่นอน” 

ความคิดเห็น

ข่าวฮอตชัดทุกกระแส

วิเคราะห์ เจาะลึก วัตถุมงคลหลวงพ่อพัฒน์ วัดห้วยด้วน

“ธรรมาภิบาล”เร่งหารือ กกต.ให้จัดการเลือกตั้งใหม่

ฟุตบอลสูงอายุชิงถ้วย ร.10 68 ทีมร่วมฟาดแข้ง

ชมรมทหารพราน ค่ายปักธงชัย แจกข้าวสาร อาหารแห้ง ณ​ ชุมชนชาวคลองลัดภาชี

ราชกรีฑาสโมสรจัดศึกกีฬาม้าแข่งไร้พนันชิงชัยแบบนิวนอร์มัล

ไทย ต้านไม่ไหว พ่ายญี่ปุ่น 0-7

ทนายอนันต์ชัย โพสต์ FB ระบุ