บิ๊กโจ๊ก แถลงรวบพ่อเลี้ยงหื่น

บิ๊กโจ๊ก แถลงรวบพ่อเลี้ยงหื่น อนาจาร 11 ขวบ

วันที่ 1 ม.ค.65 เวลา 13.30 น. ที่ ห้อง ศปก.ภ.1 ตำรวจภูธรภาค1 ถนนวิภาวดีฯ
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรอง ผอ.ศพดส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย รอง ผบช.ทท., พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า ผบก.จว. พระนครศรีอยุธยา, พ.ต.อ.ชัยยะ เพ็ชรปัญญา รอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา, พ.ต.อ.รัชพล ชนะศรีขจร รอง ผบก.ภ.จว.ชัยนาท
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ. พระนครศรีอยุธยา และชุดปฏิบัติการ ศพดส.ตร., เจ้าหน้าที่ พม.-สหวิชาชีพ, NGO และ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว การจับกุมผู้ต้องหา คดีพ่อเลี้ยงข่มขืนกระทำชำเราลูกเลี้ยงอายุ 11 ปี โดยแม่แท้ๆ ช่วยเหลือพาหลบหนี (เหตุเกิดท้องที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา) โดยสามารถจับกุมนายคนึง (พ่อเลี้ยง) ได้ที่จุดชมวิวภูทับเบิก หมู่ 14 ต.วังบาล อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2564 เวลาประมาณ 18.00 น. ที่ผ่านมา

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เบื้องต้นจากการชันสูตรบาดแผล ด.ญ.บี ผู้เสียหาย พบร่องรอยบาดแผลจากการถูกกระทำชำเราจริง โดยขณะนี้เด็กได้ถูกส่งไปอยู่ในความดูแลของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.พระนครศรีอยุธยา ทั้งนี้จากการสอบสวน นายคนึง (พ่อเลี้ยง) ให้การภาคเสธ แต่ยอมรับว่าพาตัวเด็กไปจริง แต่ไม่ได้ข่มขืน ซึ่งตำรวจยืนยันว่าไม่เป็นปัญหา เนื่องจากมั่นใจในพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์สามารถเอาผิดนายคนึง (พ่อเลี้ยง) และแม่ของเด็กได้ และจากการตรวจสอบประวัตินายคนึง เคยถูกจับกุมคดีลักทรัพย์ เพิ่งพ้นโทษมาได้ปีเศษ

ด้าน พ.ต.อ.ชัยยะ เพ็ชรปัญญา รอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า คดีนี้เหตุเกิดเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 26 ธันวาคม 2564 โดย นายคนึง (พ่อเลี้ยง) ได้มารับ ด.ญ.บี นามสมมุติ อายุ 11 ปี ที่บ้านของนายเอ นามสมมติ อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ ของ ด.ญ.บี โดยอ้างว่าจะพาไปซื้อขนม ซึ่งปกตินายคนึง (พ่อเลี้ยง) และแม่ จะมารับ ด.ญ.บี เป็นประจำเดือนละ 1-2 ครั้ง โดยหลังจากนั้นพ่อเลี้ยงได้พา ด.ญ.บี มาส่งในเวลาประมาณ 16.00 น. วันเดียวกัน แต่ ด.ญ.บี มีอาการผิดปกติ ทางญาติจึงติดต่อให้แม่มาดูแลลูก ก่อนในช่วงเช้าวันที่ 27 ธันวาคม 2564 ได้มารับลูกไป อ้างว่าจะพาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล แต่ไม่สามารถติดต่อได้อีก ต่อมาเวลาประมาณ 15.57 น.  พ่อแท้ๆ ของ ด.ญ.บี ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา ให้ดำเนินคดีกับนายคนึง  (พ่อเลี้ยง) และอดีตภรรยา
“ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ. พระนครศรีอยุธยา และ เจ้าหน้าที่ชุด ศพดส.ตร. ได้นำกำลังได้ออกสืบสวนติดตามตัว รวบรวมหลักฐาน กระทั่งสามารถร้องขอต่อศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองได้ โดยนายคนึง (พ่อเลี้ยง) ถูกออกหมายจับในความผิดฐาน "พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจารแม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม ซึ่งเป็นการกระทำต่อเด็กอายุไม่เกินสิบสามปี” ตามหมายจับศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ส่วน แม่ของเด็ก ถูกออกหมายจับในความผิดฐาน“ พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปจากผู้ปกครองหรือผู้ดูแลโดยปราศจากเหตุอันสมควรช่วยเหลือผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง ทำให้เสียหายทำลายซ่อนเร้นทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิดช่วยเหลือผู้อื่น ซึ่งกระทำความผิดหรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดอันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษโดยซ่อนเร้น หรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใดเพื่อมิให้ถูกจับกุม” ตามหมายจับศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งไปจับกุมตัวได้ที่จุดชมวิวภูทับเบิก”
พ.ต.อ.ชัยยะ กล่าวต่ออีกว่า จุดเกิดเหตุจะอยู่ไม่ไกลจากบริเวณบ้าน และตัวเด็กเองให้การว่า ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นพงหญ้างข้างทาง โดยตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุให้แน่ชัด เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดี ต่อไป

ขณะที่สหวิชาชีพ เปิดเผยว่า ขณะนี้เด็กหญิง มีสภาพจิตใจดีขึ้น ยังอยู่ในความดูแลของ พม. ซึ่งเด็กพร้อมให้ญาติไปเยี่ยมได้ ส่วนการคืนเด็กกับครอบครัว ต้องรอการประเมินจากคณะกรรมการของจังหวัด ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ซึ่งอาจต้องใช้เวลา 6 เดือน ถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจของเด็กด้วย ส่วนแม่หลังจากรับโทษแล้ว คาดว่าจะไม่สามารถเข้ามาดูแลเด็กได้อีก

สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สภท.56ปี)

ธวัชชัย เฟื่องอนันต์ รายงาน