“บิ๊กอุ้ย"แถลงกวาดล้างขบวนการ ลำเลียงกัญชา 468 กก.
“บิ๊กอุ้ย"แถลงกวาดล้างขบวนการ ลำเลียง
กัญชา 468 กก.
วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2564 เวลา 11.30 น. ณ ตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบชฯ ปฏิบัติราชการ ภ.1, พ.ต.ท.ธีรวีร์ อินทกูล รอง ผกก.สส.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมร่วมแถลงข่าว จับกุมผู้ต้องหา 2 คนพร้อมกัญชาน้ำหนักประมาณ 468 กิโลกรัม ลำเลียงจากประเทศเพื่อนบ้านก่อนกระจายสู่ภาคกลาง พร้อมด้วยของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ซึ่งบรรจุอยู่ภายในกระสอบถุงปุ๋ย ห่อด้วยถุงพลาสติกสีดํา พันทับด้วยพลาสติกใส จํานวน 13 กระสอบ (ประมาณ 468 กก.) โดยแต่ละกระสอบจะมียาเสพติด ให้โทษประเภท 5 (กัญชา) พันทับด้วยกระดาษฟอยล์ สีทอง จํานวนกระสอบละ 36 ก้อน ซึ่งตรวจค้นพบอยู่ภายในกระบะ บรรทุกท้ายรถยนต์ หมายเลขทะเบียน บร 239 พระนครศรีอยุธยา และรถยนต์ สีเทา ติดแผ่นป้ายทะเบียนหลังสีแดง หมายเลข ก-6969 กําแพงเพชร (รถนำ)
โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในความครอบครองเพื่อจําหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม สามารถจับกุมได้เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2564 เวลา 07.00 น. บริเวณริมถนนสุขาภิบาล 7 หมู่ที่ 6 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จว.พระนครศรีอยุธยา
ตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้กำหนดให้ดำเนินการเร่งรัดปราบปรามยาเสพติดและขับเคลื่อนการบูรณาการร่วมแก้ไขปัญหายาเสพติด นั้น
ภายใต้การอํานวยการของ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบชฯ ปฏิบัติราชการ ภ.1, พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผบก.ภ.จว.สระบุรี, พ.ต.อ.ศุภากรณ์ จันทาบุตร รอง ผบก.ภ.จว.สระบุรี/หน.ชปส.ภ.1 ชุดที่ 2, พ.ต.อ.อุดมรัตน์ อิทธิโสภาพันธุ์ ผกก.กลุ่มงาน การข่าว และ พ.ต.อ.จิรัฎฐ์ ดอกไม้ ผกก.สส.ภ.จว.สระบุรี โดยการปฏิบัติการของชุดปฏิบัติการป้องกันปราบปรามยาเสพติดตํารวจภูธรภาค 1 ชุดที่ 2
ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายธนาธิปหรือเจ อายุ 23 ปี จว.พระนครศรีอยุธยา ผู้ต้องหาที่ 1
นายสุวิชาหรือแป็บซี่ อายุ 32 ปี จว.ราชบุรี ผู้ต้องหาที่ 2
พร้อมด้วยของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ซึ่งบรรจุอยู่ภายในกระสอบถุงปุ๋ย ห่อด้วยถุงพลาสติกสีดํา พันทับด้วยพลาสติกใส จํานวน 13 กระสอบ (ประมาณ 468 กก.) โดยแต่ละกระสอบจะมียาเสพติด ให้โทษประเภท 5 (กัญชา) พันทับด้วยกระดาษฟอยล์ สีทอง จํานวนกระสอบละ 36 ก้อน ซึ่งตรวจค้นพบอยู่ภายในกระบะ บรรทุกท้ายรถยนต์ หมายเลขทะเบียน บร 239 พระนครศรีอยุธยา โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง
รถยนต์กระบะ สีดํา หมายเลขทะเบียน บร 239 พระนครศรีอยุธยา รถยนต์ สีเทา ติดแผ่นป้ายทะเบียนหลังสีแดง หมายเลข ก-6969 กําแพงเพชร แผ่นป้ายทะเบียนหมายเลข 8 กฒ 2434 กรุงเทพมหานคร
โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในความครอบครองเพื่อจําหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต”
วัน เวลา จับกุม : เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2564 เวลา 07.00 น.
สถานที่จับกุม : บริเวณริมถนนสุขาภิบาล 7 หมู่ที่ 6 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จว.พระนครศรีอยุธยา
พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 เปิดเผยว่า ตํารวจภูธรจังหวัดสระบุรี เจ้าหน้าที่ตํารวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับพลเมืองดี ทราบว่า นายธนาธิปหรือเจ และนายสุวิชา หรือแป็บซี่ จะลําเลียงยาเสพติด โดยใช้รถยนต์กระบะ สีดํา หมายเลขทะเบียน บร 239 พระนครศรีอยุธยา และนายสุวิชา หรือแป็บซี่ฯ จะใช้รถยนต์ สีเทา หมายเลขทะเบียน 8 กฒ 2434 กรุงเทพมหานคร ในการลําเลียงยาเสพติด ซึ่งจะใช้เส้นทางถนนพหลโยธิน โดยจะผ่านอําเภอวังน้อย จว.พระนครศรีอยุธยา ตำรวจกระจายกําลังซุ่มดูริมถนนพหลโยธิน จนกระทั่งพบรถยนต์ สีเทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนด้านหน้า ส่วนด้านหลังติดแผ่นป้ายทะเบียนสีแดง หมายเลข ก-6969 กําแพงเพชร (ผู้ต้องหาที่ 2 เป็นผู้ขับ) จากนั้นพบรถยนต์กระบะ สีดํา หมายเลขทะเบียน บร 239 พระนครศรีอยุธยา ขับตามมา (ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นผู้ขับ)
พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบชฯ ปฏิบัติราชการ ภ.1 กล่าวว่า ตำรวจสะกดรอยติดตามไปจนกระทั่งรถยนต์ทั้งสองคันหยุดบริเวณริมถนนสุขาภิบาล 7 อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา จึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแสดงความประสงค์เพื่อขอตรวจค้นรถยนต์ทั้ง 2 คัน ผลการตรวจค้น พบยาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ซึ่งบรรจุอยู่ภายในกระสอบถุงปุ๋ย ห่อด้วยถุงพลาสติกสีดํา พันทับด้วยพลาสติกใส จํานวน 13 กระสอบ (ประมาณ 468 กิโลกรัม) โดยแต่ละกระสอบจะมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) พันทับด้วยกระดาษฟอยล์สีทอง จํานวนกระสอบละ 36 ก้อน ตามของกลาง ลําดับที่ 1 อยู่ภายในกระบะบรรทุกท้ายรถยนต์สีดํา คันดังกล่าว จึงควบคุมตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลางมาส่งพนักงานสอบสวน สภ.พระอินทร์ราชา เพื่อดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สภท.56ปี)
ธวัชชัยเฟื่องอนันต์รายงาน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น