“ 191 จับแก๊งค้ายาเสพติดยึดยาบ้า-ไอซ์ซุกบ้านย่านบางบัวทอง

“ 191 จับแก๊งค้ายาเสพติดยึดยาบ้า-ไอซ์ซุกบ้านย่านบางบัวทอง

วันที่ 13พฤศจิกายน 2564
พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. , พล.ต.ต.นิธิธร  จินตกานนท์ รอง ผบช.น. เป็นผู้ควบคุมสั่งการกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล
โดย พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว ผบก.สปพ., พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี, พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ บัณฑิตย์, พ.ต.อ.พิทักษ์ สุทธิกุล, พ.ต.อ.วรวิทย์ ญาณจินดา รอง ผบก.สปพ., พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.สายตรวจ บก.สปพ., พ.ต.ท.อัครพล โทยะ, พ.ต.ท.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์, พ.ต.ท.คงศักดิ์ ศรีโหร, พ.ต.ท.สุทธิเดช โอฬาริ รอง ผกก.สายตรวจ บก.สปพ. พ.ต.ต.ไพบูลย์  สอโส สว.งานสายตรวจ 1 ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติดังนี้
“ 191 บุกจับนักค้ายาเสพติดย่านบางบัวทอง ”
จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 3 ราย
นายวิรัตน์ หรือโต  อายุ 42 ปี สัญชาติไทย
นายบุญเลือง หรือจืด อายุ 30 ปี สัญชาติลาว น.ส.เสาวนีย์ หรืออุ๊ อายุ 40 ปี สัญชาติไทย
พร้อมด้วยของกลาง
ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 14,000 เม็ด
ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) น้ำหนักรวมประมาณ 2,500 กรัม
โดยแจ้งข้อกล่าวหา
ผู้ต้องหาที่ 1 “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า, ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยเหลือด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย”
ผู้ต้องหาที่ 2 “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า, ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต, เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”
 ผู้ต้องหาที่ 3 “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า, ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยเหลือด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย, เสพยาเสพติดให้โทษประเภท1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต”

ก่อนการจับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งข่าวสารจากสายลับเกี่ยวกับกลุ่มผู้ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดรายใหญ่ ให้กับลูกค้าในพื้นที่บริเวณ วัดลาดปลาดุก ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี และได้สืบสวนเพิ่มเติมจนทราบว่า กลุ่มเครือข่ายยาเสพติดกลุ่มนี้มี นายวิรัตน์ฯ และน.ส.เสาวนีย์ฯ ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน และมีลูกน้องอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดนี้ได้ร่วมกันไปรับยาเสพติดจากบริเวณชายแดนที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านบริเวณ จ.หนองคาย และจ.บึงกาฬ แล้วนำมาเก็บซุกซ่อนไว้บริเวณบ้านพักของตนเอง เพื่อรอจำหน่ายให้กับลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล  โดยเครือข่ายกลุ่มนี้มักจะใช้รถยนต์จำนวนหลายคัน เพื่อใช้สับเปลี่ยนในการรับและส่งยาเสพติดให้กับลูกค้า และยังได้ย้ายที่พักอาศัยอยู่เป็นประจำ จากการเฝ้าสืบสวนติดตามพฤติกรรมเรื่อยมา พบว่ากลุ่มเครือข่ายนี้ใช้บ้านภายในหมู่บ้านย่านบางบัวทอง เป็นที่พักอาศัยและเก็บซุกซ่อนยาเสพติด

กระทั้งวันที่ 9 พ.ย.2564 เวลาประมาณ 22.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าสังเกตการณ์อยู่บริเวณหน้าบ้าน พบนายวิรัตน์ หรือโตฯ และนายบุญเลือง หรือจืดฯ เดินออกมาจากบ้านลักษณะท่าทางมีพิรุธ และทั้งคู่เดินไปขึ้นรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นโคโรล่า สีขาวฯ ในลักษณะเร่งรีบ ขับรถยนต์ออกไปจากบริเวณหน้าบ้าน เมื่อรถยนต์คันดังกล่าว แล่นมาถึงบริเวณป้อมยามของหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวเพื่อขอทำการตรวจค้น จากการตรวจสอบนายบุญเลือง หรือจืดฯ พบว่ามีสัญชาติลาว และไม่หนังสือเดินทางมาแสดง จากการสอบถาม นายวิรัตน์ หรือโตฯ ให้การรับสารภาพว่ายังมียาเสพติดอีกบางส่วนซุกซ่อนไว้ภายในบ้านพัก ยินยอมและสมัครใจด้วยตนเองนำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว  ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจค้นภายในบ้านพักนั้น น.ส.เสาวนีย์ หรืออุ๊ฯ ขับรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ส สีเทาฯ เข้ามาจอดบริเวณหน้าบ้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวแสดงบัตรเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอทำการตรวจค้น สอบถาม น.ส.เสาวนีย์ฯ ให้การรับว่าพักอาศัยอยู่และเสพยาเสพติดภายในบ้านหลังดังกล่าวด้วย
ผลการตรวจค้นภายในบ้านพักพบ ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวนประมาณ 14,000 เม็ด และ ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) จำนวนประมาณ 2,500 กรัม ซุกซ่อนอยู่บริเวณภายในห้องนอนชั้นสอง
จากการซักถามขยายผลผู้ต้องหาทั้งสามให้การรับสารภาพเพิ่มเติมว่าได้ค่าจ้างในการลำเลียงยาเสพติดจากจังหวัดหนองคายครั้งละประมาณ 100,000 บาท โดยหลังจากรับยาเสพติดมาแล้วก็จะทำการแจกจ่ายให้กับลูกค้ารายย่อยบริเวณย่าน อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี โดยทำมาแล้วหลายครั้ง

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คน พร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ นำส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และจะได้ดำเนินการสืบสวนขยายผลถึงกลุ่มผู้ร่วมขบวนการที่เหลืออีกต่อไป
หากประชาชนท่านใด พบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิด เกี่ยวกับการจำหน่ายยาเสพติด หรือสิ่งของผิดกฎหมาย โซเชียลมีเดีย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ สายด่วน 191, เพจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ

สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สภท.56ปี)

ธวัชชัยเฟื่องอนันต์รายงาน