นครบาลแจง " กรณีเพจฯม็อบ ปั่นกระแสบิดเบือนข้อเท็จจริง"

นครบาลแจง " กรณีเพจฯม็อบ ปั่นกระแสบิดเบือนข้อเท็จจริง"

พล.ต.ต.จิรสันต์  แก้วแสงเอก รอง ผบช.น./โฆษก บช.น. และ พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ 

รอง ผบช.น./รองโฆษก บช.น. ขอประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร ชี้แจงประเด็นที่ปรากฏตามสื่อออนไลน์ 3 กรณี ดังนี้

1. กรณีปรากฏคลิปอ้างว่า ตำรวจทำร้ายร่างการผู้ถูกจับกุม บริเวณทางเข้า สน.ดินแดง จำนวน 1 ราย โดยบุคคลที่ปรากฏในคลิปดังกล่าว คือ นายอรรคสิทธิ์ฯ อายุ 35 ปี ถูกจับกุมในข้อหา “ร่วมกันจัดกิจกรรมรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากว่ายี่สิบห้าคน ในพื้นที่ที่มีการประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดฯ”

ส่วนภาพที่ปรากฏตามสื่อออนไลน์ต่างๆ ที่มีการอ้างว่าหลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดินแดงควบคุมตัว มีการทำร้ายร่างกาย และใช้บุหรี่จี้ตามร่างกาย นั้น บุคคลในภาพ คือ นายวีรภาพฯ อายุ 18 ปี พร้อมพวก เป็นผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมในข้อหา “ร่วมกันจัดกิจกรรมรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากว่ายี่สิบห้าคน ในพื้นที่ที่มีการประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดฯ” เนื่องจากก่อความวุ่นวายหน้า สน.ดินแดง เมื่อวันที่ 29 ต.ค.64 

จากกรณีดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าได้กระทำตามยุทธวิธี และเป็นไปตามกฎหมายทุกขั้นตอน ไม่ได้มีการกระทำตามปรากฏ อีกทั้งได้ทำการแจ้งสิทธิผู้ต้องหาให้ทราบแล้ว และได้สอบถามว่าต้องการพบแพทย์หรือไม่ ซึ่งผู้ต้องหาไม่ได้มีการแจ้งความประสงค์แต่อย่างใด โดยระหว่างที่อยู่กับเจ้าหน้าที่่ตำรวจ ได้มีทนายความของผู้ต้องหาอยู่ด้วยโดยตลอด ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม หากมีการทำร้ายร่างกายจริง สามารถแจ้งความที่สถานีตำรวจได้ หากตรวจสอบแล้ว พบว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริงอาจเข้าข่ายความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ อีกส่วนหนึ่ง

2. บช.น. ยืนยันการจับกุม ผู้ต้องหาคดี การเสียชีวิตของน้องวาฤทธิ์ฯ เด็กอายุ 15 ปี จากการถูกยิงหน้า สน.ดินแดง

จากกรณีดังกล่าว เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากในคดีดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เมื่อวันที่ 30 ก.ย.64 ทราบชื่อคือ นายชุติพงษ์ฯ อายุ 28 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่1569/2564 ลงวันที่ 27 ก.ย. 2564 

ในความผิดฐาน “พยายามฆ่า, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ” ซึ่งการที่ศาลจะออกหมายจับบุคคลใดได้ 

พนักงานสอบสวนจะต้องมีการรวบรวมพยานหลักฐานเพียงพอและมีมูลความจริงจนสามารถขอให้ศาลออกอนุมัติหมายจับได้ ซึ่งขณะนี้การเผยแพร่ข้อความดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าเข้าข่ายการกระทำผิดเกี่ยวกับ 

พรบ. คอมพิวเตอร์หรือไม่  

บช.น. ขอยืนยันการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นไปตามยุทธวิธีและขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ และขอประชาสัมพันธ์ในการนำเสนอข้อมูล ขอให้ตรวจสอบก่อนที่จะทำการนำเสนอว่าข้อมูลที่นำมาเสนอหรือเผยแพร่ เพราะถ้าหากมีการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จจะมีความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุก ไม่เกิน 5 ปี ไม่เกิน 100,000 บาท พบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิด โปรดแจ้งสายด่วน 191 หรือสถานีตำรวจท้องที่ 

สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สภท.56ปี) 

ธวัชชัยเฟื่องอนันต์รายงาน