“ผบช.ภ.1” แถลง จับเครือข่ายยาบ้า-จับผู้ต้องหาฆ่าชิงทรัพย์ พระมูลค่า 8 ล.

“ผบช.ภ.1” แถลง จับเครือข่ายยาบ้า-จับผู้ต้องหาฆ่าชิงทรัพย์ พระมูลค่า 8 ล. 

วันที่ 28 ต.ค.64 เวลาประมาณ 11.30 น. ที่ตำรวจภูธรภาด 1 ถนนวิภาวดีรังสิต …พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต พีระพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย รอง ผบช.ภ.8 ปรก./ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี และพ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รอง ผบก.ภ.จ.นนทบุรี ร่วมแถลงผลการจับกุม 2 คดี คือ จับกุม นายทวีชัย หรือ ห้อยฯ อายุ 39 ปี ชาว จ.นนทบุรี พร้อมของกลาง ยาบ้า 740,000 เม็ด และอีกคดีสะเทือนขวัญคือ สืบนนทบุรี จับผู้ต้องหาคดีฆ่าชิงทรัพย์ พระมูลค่า 8 ล้านบาท หลังหลบหนีมากกว่า 14 ปี ในพื้นที่ สภ.ปากเกร็ด

พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ผบช.ภ.1 กล่าวว่า คดีที่ 1 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับ ว่า นายทวีชัย ผตห. มีพฤติการณ์จำหน่ายยาบ้าภายในชุมชนวัดไผ่เหลือง และบริเวณใกล้เคียง โดยจะนำยาบ้าเก็บซุกซ่อนไว้ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง จึงได้ติดตามและเข้าทำการจับกุมได้ภายใน ซ.7/1ก หมู่บ้าน ช รุ่งเรือง 6 หมู่ 3 ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ต่อเนื่องในป่าหน้าวัดไผ่เหลือง ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ซึ่ง ต่อมา นายทวีชัย ให้การยอมรับว่า ได้นำยาบ้าไปเก็บซุกซ่อนไว้ และพาตำรวจไปตรวจสอบจุดที่เก็บซุกซ่อนจนพบถุงพลาสติกสีดำวางอยู่ที่จุดเกิดเหตุ เปิดดูพบเป็นยาบ้า และจากการขยายผลพบยาบ้าเก็บซุกซ่อนไว้ในป่าหน้าวัดไผ่เหลืองอีกจำนวนมากในถังพลาสติกสีน้ำเงิน 2 ใบ และถังพลาสติกสีดำ 1 ใบ ปิดฝาอยู่ในหลุมในป่าหน้าวัดไผ่เหลือง ตรวจสอบพบเป็นยาบ้าจำนวน 740,000 เม็ด จึงได้ยึดไว้เป็นของกลาง

ด้าน นายทวีชัย ผตห. ให้การรับสารภาพว่า ยาบ้าที่ตรวจพบนั้นเป็นของตนจริง ส่วนใหญ่นำไปจำหน่ายให้กับลูกค้าในเขตคลองเตย กรุงเทพฯ ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ส่วนคดีที่2 พล.ต.ท.จิรพัฒน์ กล่าวอีกว่า และอีกคดีสะเทือนขวัญ และเป็นที่สนใจของประชาชน คือเมื่อประมาณปี 50 ในท้องที่ สภ.ปากเกร็ด หลังมีคนร้าย 6 คนวางแผนปล้นพระเครื่องมูลค่าสูง โดยทำที่ติดต่อเข้าไปขอเช่าพระเครื่องราคา 8 ล้านบาท ของ นายธีระศักดิ์ ธีระชิตมา พี่ชาย ของอธิบดีอัยการสำนักงานคดีปกครองจังหวัดอุดรธานีในขณะนั้น ก่อนที่หนึ่งในผู้ก่อเหตุจะใช้ฆ้อนทุบศีรษะนายธีระศักดิ์จนตายและเตรียมนำศพไปอำพราง แต่บังเอิญ นางรัชนี มารดาเข้ามาพบเห็นเหตุการณ์จึงถูกกลุ่มคนร้ายสังหารด้วย จากนั้นนำร่างทั้งสองขึ้นรถตู้ไปเผาอำพรางที่ จ.ชัยภูมิ ต่อมาตำรวจได้ลงพื้นที่ติดตามจับกุมคนร้ายได้ 4 คน คือ นายธานี , นายสันติ , นายบุญส่ง และนายประวิตร ส่วน น.ส.นุสรา หนึ่งในผู้ต้องหาได้เสียชีวิตแล้วเมื่อปี 62 เหลือเพียงนายเชาฯ ผตห.ที่ยังหลบหนี ซึ่งต่อมาทางตำรวจสืบสวนนนทบุรีได้ติดตามจับกุมนายเชาว์ หรือ เชาฯ อายุ 64 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี เลขที่ 952/2550 ลงวันที่ 2 กันยายน 2550 ในข้อหา “ ปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม , ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย ร่วมกันซ่อนเร่น ย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย ” โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณหน้าบ้านไม่มีเลขที่ ม.5 ต.เสือหึง อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช หลังจากหนีการจับกุมมากว่า 14 ปี

ด้าน พ.ต.อ.โชติวัฒน์ รอง ผบก.ภ.จ.นนทบุรี กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีสะเทือนขวัญอย่างมาก ทางตำรวจได้ติดตามลงพื้นที่มาอย่างต่อเนื่องซึ่งหลังก่อเหตุ คนร้ายมีการเปลี่ยนชื่อ ใช้แต่บัตร ปชช. ของน้องชายในการทำธุรกรรมต่างๆ ไม่ใช้โทรศัพท์มือถือ และมีภรรยาใหม่ ก่อนจะไปใช้ชีวิตอยู่ในสวนยาง กระทั่งถูกจับกุมได้ในที่สุด รวมระยะเวลาหลบหนีกว่า 14 ปี

เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือฆ่าสองแม่ลูกจริง โดยใช้ฆ้อนตอกตะปูทุบศีรษะจนตาย เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาและนำตัวส่ง  พงส.สภ.ปากเกร็ด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สภท.56ปี) 

ธวัชชัยเฟื่องอนันต์รายงาน