'โรเบิร์ต ปาร์คเกอร์ ไวน์ 'เผยโฉมตัวกรองการค้นหาไวน์

'โรเบิร์ต ปาร์คเกอร์ ไวน์ 'เผยโฉมตัวกรองการค้นหาไวน์

โรเบิร์ต ปาร์คเกอร์ ไวน์ แอดโวเคท บริษัทในเครือกลุ่มมิชลินเผยโฉมตัวกรองการค้นหาไวน์ประเภทออร์แกนิกและไบโอไดนามิกบนเว็บไซต์ พร้อมทั้งเปิดตัวตราสัญลักษณ์ใหม่สำหรับไวน์ที่ผลิตด้วกระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

ประเดิมเปิดตัวปีแรกโดยมีโรงผลิตไวน์ 24 แห่งจากทั่วโลก คว้าตราสัญลักษณ์
อันทรงเกียรตินี้จากนักวิจารณ์ไวน์ของ โรเบิร์ต ปาร์คเกอร์ ไวน์ แอดโวเคท

ล่าสุด ‘โรเบิร์ต ปาร์คเกอร์ ไวน์ แอดโวเคท’ นิตยสารไวน์ระดับโลกซึ่งกลุ่มมิชลินได้เข้าถือหุ้นทั้งหมดเมื่อปี 2562 และกลายมาเป็นพลังสำคัญร่วมกับคู่มือ มิชลิน ไกด์’ ในการรังสรรค์ “ประสบการณ์สุดพิเศษตามแบบฉบับของมิชลิน” (Michelin Experiences) ที่มุ่งเน้นด้านอาหารและเครื่องดื่ม โรงแรม ตลอดจนการท่องเที่ยวและการสัญจร ได้เผยโฉมตัวกรองการค้นหา (Search Filter) ใหม่ล่าสุด 2 ประเภท บนเว็บไซต์ RobertParker.com ได้แก่ ตัวกรองสำหรับค้นหาไวน์ที่ผ่านการรับรองว่าเป็นไวน์ออร์แกนิก (Certified Organic) ซึ่งปลอดสารเคมีและสารพิษ และตัวกรองสำหรับค้นหาไวน์ที่ผ่านการรับรองว่าเป็นไวน์ไบโอไดนามิก (Certified Biodynamic) ซึ่งเน้นความเป็นธรรมชาติ ปลอดสารเคมี และใช้กระบวนการอันเป็นศาสตร์เฉพาะตัวที่ช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศ  นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัว Robert Parker Green Emblem ตราสัญลักษณ์ใหม่สีเขียวซึ่งจะมอบเพื่อเป็นเกียรติแก่โรงผลิตไวน์ที่ยึดมั่นในแนวทางปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

 

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวซึ่งเกิดขึ้นภายหลังการเปิดตัวรางวัล MICHELIN green star หรือ “ดาวมิชลินรักษ์โลก” ในคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ถือเป็นการตอกย้ำวิสัยทัศน์เรื่อง “ความยั่งยืนทุกด้าน” (All Sustainable) ของกลุ่มมิชลิน โดยแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์อันมุ่งมั่นที่กลุ่มมิชลินมีต่อการดูแลรักษาและการสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม

 

คำจำกัดความ

ผ่านการรับรอง (Certified): ไวน์ที่ผ่านการรับรองว่าเป็นไวน์ออร์แกนิก (Certified Organic) หรือไวน์ไบโอไดนามิก (Certified Biodynamic) เป็นไวน์ที่ผ่านการปลูกและ/หรือผลิตโดยใช้กรรมวิธีที่ได้รับการตรวจสอบและยืนยันแล้วว่าเป็นแบบ “ออร์แกนิก” หรือ “ไบโอไดนามิก” ตามกฎระเบียบที่กำหนดโดยองค์กรบุคคลที่สาม (Third-Party Organization) ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล

 

ออร์แกนิก (Organic): การปลูกองุ่นแบบออร์แกนิกต้องเป็นไปตามหลักการเกษตรที่กำหนดไว้ โดย ระดับความเข้มงวดเมื่อเทียบกับการเกษตรแบบดั้งเดิมนั้นขึ้นอยู่กับว่าปลูกองุ่นในประเทศใดและจำหน่ายไวน์ที่ใด  ทั้งนี้ การใช้คำว่า “ออร์แกนิก” ในที่ต่าง ๆ ทั่วโลก ได้รับการควบคุมและปกป้องทางกฎหมาย ส่งผลให้กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องมีความแตกต่างกัน  เพื่อแจ้งให้ทราบว่าองุ่นที่นำมาใช้ปลูกแบบออร์แกนิก ผู้ผลิตไวน์จำเป็นต้องขอใบรับรองในประเทศที่ทำการปลูกองุ่นจากสถาบันตรวจสอบซึ่งเป็นบุคคลที่สามและได้รับการยอมรับ  โดยทั่วไป ไร่องุ่นจำเป็นต้องผ่านระยะปรับเปลี่ยน (Conversion Period) เป็นเวลา 3 ปี เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางด้านกฎหมายของประเทศนั้น ๆ ซึ่งระหว่างนั้นจะมีการบันทึกข้อมูลและสุ่มตรวจสอบ จากนั้นจึงจะได้รับใบรับรองมาตรฐานการเกษตรแบบออร์แกนิก

 

การปลูกองุ่นออร์แกนิกไม่ใช้สารเคมีสังเคราะห์ใด ๆ ในไร่องุ่น ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยเคมี สารกำจัดวัชพืช หรือสารกำจัดศัตรูพืชสังเคราะห์  ประเทศส่วนใหญ่อนุญาตให้ใช้สารจากธรรมชาติแทนได้ในขอบเขตที่จำกัดและเข้มงวดกว่าการเกษตรแบบดั้งเดิม อาทิ การใช้กำมะถัน (Sulfur) และทองแดง (Copper) ฉีดพ่นในไร่องุ่นเพื่อให้ได้ “องุ่นที่ปลูกแบบออร์แกนิก” สำหรับใช้ผลิตไวน์  ทั้งนี้ องค์กรซึ่งให้การรับรองการเพาะปลูกแบบออร์แกนิกรายใหญ่ระดับโลก ได้แก่ Ecocert, USDA Organic, BioGro NZ, Australian Certified Organic และ EU Organic

 

ไบโอไดนามิก (Biodynamic): “ไบโอไดนามิก” เป็นแนวทางปฏิบัติด้านการเกษตรที่เน้นหลักปรัชญามากกว่าการเกษตรแบบดั้งเดิม ริเริ่มขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2467 โดย รูดอล์ฟ สไตเนอร์’ (Rudolf Steiner)  การเกษตรรูปแบบนี้ใช้หลักการพื้นฐานเดียวกับการเกษตรแบบออร์แกนิก อาทิ การไม่ใช้สารเคมีสังเคราะห์ แต่นำมาต่อยอดเพิ่ม  ยกตัวอย่างเช่น การนำปุ๋ยหมักสูตรพิเศษและน้ำหมักสมุนไพร (Herbal Infusion) มาใช้ในไร่องุ่นภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวด  นอกจากนี้ ยังมักนำการเคลื่อนไหวและช่วงระยะการเปลี่ยนแปลงของวัตถุต่าง ๆ บนท้องฟ้ามาใช้เพื่อกำหนดเวลาที่เหมาะสมของขั้นตอนปฏิบัติในการทำไวน์  ทั้งนี้ มีหลายองค์กรที่ให้การรับรองมาตรฐานการเกษตรแบบไบโอไดนามิก อาทิ Demeter และ Biodyvin

ตราสัญลักษณ์สีเขียว Robert Parker Green Emblem: มอบให้เพื่อเป็นเกียรติแก่โรงผลิตไวน์หรือผู้ผลิตไวน์ที่มีความมุ่งมั่นทุ่มเทสูงกว่าข้อกำหนดที่ระบุไว้สำหรับการยื่นขอใบรับรองมาตรฐานการเกษตรแบบออร์แกนิกและ/หรือการเกษตรแบบไบโอไดนามิก

 
หลักเกณฑ์ในการมอบตราสัญลักษณ์สีเขียว Robert Parker Green Emblem

ผู้ที่มีคุณสมบัติได้รับมอบตราสัญลักษณ์นี้ คือ โรงผลิตไวน์ทั้งที่เคยหรือไม่เคยได้รับใบรับรองการเป็นไวน์ออร์แกนิกและ/หรือไวน์ไบโอไดนามิก โดยต้องมีความโดดเด่นในฐานะผู้สนับสนุนให้เกิดความยั่งยืนผ่านการพิทักษ์สิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพในระยะยาว  ทั้งนี้ การมอบตราสัญลักษณ์สีเขียว Robert Parker Green Emblem มีการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ โดยมอบให้เพื่อยกย่องความทุ่มเทที่โดดเด่นและมีความพิเศษเฉพาะตัว

ในแต่ละปีนับจากนี้เป็นต้นไป นักวิจารณ์ของ ‘โรเบิร์ต ปาร์คเกอร์ ไวน์ แอดโวเคท’ จะเสนอชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกในภูมิภาคภายใต้ความรับผิดชอบของตน ซึ่งมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะได้รับตราสัญลักษณ์สีเขียว Robert Parker Green Emblem  รายชื่อเหล่านี้จะถูกนำเข้าสู่กระบวนการค้นคว้าข้อมูลและอภิปรายร่วมกันในกองบรรณาธิการ หากผ่านการเห็นชอบ ผลิตภัณฑ์ไวน์ทั้งหมดของโรงผลิตไวน์แห่งนั้นจะได้รับตราสัญลักษณ์สีเขียว Robert Parker Green Emblem ซึ่งสามารถใช้ได้จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับโรงผลิตไวน์ที่ส่งผลให้เกิดการยกเลิกสิทธิ์ในการใช้ตราสัญลักษณ์ดังกล่าว

 
นิโคลาส อาชาร์ด (Nicolas Achard) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ‘โรเบิร์ต ปาร์คเกอร์ ไวน์ แอดโวเคท’ เปิดเผยว่า “เราตระหนักว่าผู้บริโภคมีความต้องการมากขึ้นที่จะเห็นการปลูกองุ่นเป็นไปอย่างรับผิดชอบและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ทั้งยังต้องการที่จะเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้สะดวกง่ายดายมากขึ้น  ทีมงานของเราจึงได้หยิบยกประเด็นนี้มาอภิปรายร่วมกันและตัดสินใจพัฒนาตราสัญลักษณ์สีเขียว Robert Parker Green Emblem ขึ้นเพื่อยกย่องไร่องุ่นที่ผสานความเข้มข้นของรสชาติเข้ากับการปลูกองุ่นอย่างยั่งยืน  เรามุ่งหวังที่จะอำนวยความสะดวกให้ผู้ผลิตไวน์ซึ่งใส่ใจในสิ่งแวดล้อมกลุ่มนี้ได้พบปะกัน พวกเขาต่างพิสูจน์ให้เราเห็นว่าการเคารพสิ่งแวดล้อมถือเป็นการสดุดีต่อสภาพภูมิประเทศ ดินฟ้าอากาศ และต้นองุ่น โดยยังคงรักษารสชาติและคุณภาพของไวน์เอาไว้ได้ดังเดิม

รายชื่อผู้รับมอบตราสัญลักษณ์สีเขียว Robert Parker Green Emblem ในปีแรก

‘โรเบิร์ต ปาร์คเกอร์ ไวน์ แอดโวเคท’ ประกอบด้วยทีมนักวิจารณ์ไวน์มากประสบการณ์ระดับโลกรวม 10 ราย ซึ่งล้วนมุ่งมั่นนำเสนอไวน์ที่ดีที่สุดในโลก โดยเน้นความสำคัญของสภาพภูมิประเทศและดินฟ้าอากาศที่ยอดเยี่ยม ความหลากหลายทางชีวภาพ ตลอดจนเกษตรกรผู้มีทักษะความชำนาญพิเศษ และวัฒนธรรมที่อยู่เหนือกาลเวลา  ทีมนักวิจารณ์ไวน์ นำโดย ‘ลิซา เปร็อตติ-บราวน์’ (Lisa Perotti-Brown) หัวหน้ากองบรรณาธิการและผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ของ ‘โรเบิร์ต ปาร์คเกอร์ ไวน์ แอดโวเคท’ ได้ค้นหาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภูมิภาคต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของตน และดำเนินการพิจารณาอย่างรอบคอบในการคัดสรรโรงผลิตไวน์ไว้ในรายชื่อผู้รับมอบตราสัญลักษณ์สีเขียว Robert Parker Green Emblem ปีแรกนี้  โดยรายชื่อผู้รับมอบตราสัญลักษณ์ Robert Parker Green Emblem ประจำปี 2564 ประกอบด้วยโรงผลิตไวน์ 24 แห่ง ใน 8 ประเทศ จาก 5 ทวีป ซึ่งล้วนมีชื่อเสียงไร้ที่ติในเรื่องความยั่งยืน

การพัฒนาตัวกรองใหม่สำหรับใช้ค้นหาไวน์ออร์แกนิกและไวน์ไบโอไดนามิกบนเว็บไซต์ของเรา รวมทั้ง ตราสัญลักษณ์สีเขียว Robert Parker Green Emblem เป็นการตอบสนองต่อแนวโน้มที่ผู้บริโภคไวน์ให้ความสำคัญมากขึ้นกับแนวปฏิบัติอย่างยั่งยืนในการผลิตไวน์  เว็บไซต์ของเราจึงโดดเด่นเหนือกว่าเว็บไซต์ประเภทเดียวกันอื่น ๆ เพราะอำนวยความสะดวกให้แก่คนรักไวน์ที่ต้องการดื่มไวน์อย่างยั่งยืนมากขึ้น  โดยพัฒนาการดังกล่าวบนเว็บไซต์ของเราช่วยให้สมาชิกสามารถค้นหาไวน์ชั้นเยี่ยมที่ผลิตขึ้นตามหลักปรัชญาในการรักษาสุขภาวะและความน่าอยู่ของโลกเอาไว้อย่างยั่งยืนเพื่อคนรุ่นต่อ ๆ ไปในอนาคต” เปร็อตติ-บราวน์ กล่าว

เกี่ยวกับ ‘โรเบิร์ต ปาร์คเกอร์ ไวน์ แอดโวเคท’

โรเบิร์ต ปาร์คเกอร์ ไวน์ แอดโวเคท เป็นเว็บไซต์อิสระชั้นนำระดับโลกสำหรับผู้จัดซื้อไวน์ โดยมีฐานข้อมูลประกอบด้วยบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับไวน์แต่ละชนิด (Tasting Note), การให้คะแนน และบทวิจารณ์ จำนวนมากกว่า 450,000 ชิ้น จากนักวิจารณ์มืออาชีพทั่วโลก   ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปี  โรเบิร์ต ปาร์คเกอร์ ไวน์ แอดโวเคท (ซึ่งปัจจุบันอยู่ในเครือกลุ่มมิชลิน) ครองความเป็นผู้นำระดับโลกในฐานะคู่มือแนะนำไวน์ชั้นดีที่มีความเป็นอิสระสำหรับผู้บริโภค โดยมีระบบการจัดอันดับบนฐานคะแนน 100 คะแนน และครอบคลุมภูมิภาคที่เป็นแหล่งผลิตไวน์หลักๆ อย่างกว้างขวาง

คลิกอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.RobertParker.com  

เกี่ยวกับมิชลิน

มิชลิน ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมยางรถยนต์ มุ่งมั่นส่งเสริมการสัญจรของลูกค้าอย่างยั่งยืน ออกแบบและจัดจำหน่ายยางที่เหมาะกับการใช้งานมากที่สุด ตลอดจนให้บริการและโซลูชั่นที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งครอบคลุมการให้บริการทางดิจิทัล การจัดทำคู่มือและแผนที่สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่างไม่เหมือนใคร รวมถึงการพัฒนาวัสดุทางเทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับอุตสาหกรรมการสัญจร  กลุ่มมิชลินมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองแกลร์มง-แฟร็อง ประเทศฝรั่งเศส และมีสำนักงานสาขาอยู่ใน 170 ประเทศ โดยมีพนักงาน 123,600 คน
ทั่วโลก และมีโรงงานผลิตยาง 71 แห่ง ซึ่งผลิตยางรวมกันได้สูงถึง 170 ล้านเส้นในปี 2563  คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.michelin.co.th

 

ความคิดเห็น

ข่าวฮอตชัดทุกกระแส

วิเคราะห์ เจาะลึก วัตถุมงคลหลวงพ่อพัฒน์ วัดห้วยด้วน

“ธรรมาภิบาล”เร่งหารือ กกต.ให้จัดการเลือกตั้งใหม่

ฟุตบอลสูงอายุชิงถ้วย ร.10 68 ทีมร่วมฟาดแข้ง

ชมรมทหารพราน ค่ายปักธงชัย แจกข้าวสาร อาหารแห้ง ณ​ ชุมชนชาวคลองลัดภาชี

ราชกรีฑาสโมสรจัดศึกกีฬาม้าแข่งไร้พนันชิงชัยแบบนิวนอร์มัล

ไทย ต้านไม่ไหว พ่ายญี่ปุ่น 0-7

ทนายอนันต์ชัย โพสต์ FB ระบุ