“พราม แบงค็อก”เปิดตัวสู้ศึกไทยลีก3
"พราม แบงค็อก”เปิดตัวสู้ศึกไทยลีก3 ฤดูกาล 2020
โดยในโอกาสนี้ ได้รับเกียรติจาก “บิ๊กโต” ณรงค์วิทย์ อุ่นแสงจันทร์ ผู้อำนวยการโครงการช้างเผือกโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี ในฐานะประธานที่ปรึกษาสโมสรฯ พร้อมด้วย มร.เคลวิน โคห์ (Mr. Kelvin Koh) CEO โรงเรียนนานาชาติ SISB ผู้รับหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ, “โค้ชจุ่น” ดร.จตุพร ประมลบาล ในฐานะประธานสโมสรฯ และหัวหน้าผู้ฝึกสอน รวมไปถึงบรรดานักเตะวัยรุ่นเนื้อหอมของสโมสร PRIME BANGKOK
โดยการประสานความร่วมมือของ ผู้ฝึกสอน ผู้ปกครอง และนักฟุตบอล ตามโมเดลที่เด็กๆและผู้ปกครองในสนามแห่งนี้รู้จักกันดีมากว่าสิบปีนั้น วันนี้นับว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่ ที่มีเป้าหมายเดียวกันคือความสำเร็จในเส้นทางฟุตบอลอาชีพ จึงเกิดการก่อตัวของสโมสรพราม แบงค็อก ซึ่งชื่อ “พราม” นี้มีความหมายสรุปรวมว่า “เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด” และคำว่า “แบงค็อก” นี้ ก็จะเป็นการจับมือร่วมกันกับทางสมาคมกีฬากรุงเทพมหานคร พัฒนานักฟุตบอลเยาวชนภายใต้แนวคิด “HOME GROWN PLAYERS” ซึ่งจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้
ในส่วนของผู้สนับสนุนทีมนั้น ทีม“พราม แบงค็อก” ได้วางแผนการใช้งบประมาณไว้แบบสมเหตุสมผลมีแบบแผนอย่างพอเพียง และได้ทาง มร.เคลวิน โคห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงเรียนนานาชาติ SISB ยื่นมือเข้ามารับผิดชอบเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ หลังจากที่เคยให้การสนับสนุนกลุ่มเด็กๆ นักฟุตบอลเยาวชนของสโมสรไปสร้างชื่อเสียงในต่างประเทศอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ทั้งที่สเปนและญี่ปุ่น เมื่อมีโอกาสที่จะได้เห็นความเติบโตและความสำเร็จของนักฟุตบอลเยาวชนกลุ่มนี้ และรุ่นพี่ของพวกเขาอีกหลายๆคนที่มีแวว จึงไม่รีรอในการที่ช่วยสนับสนุนให้ฝันของบรรดานักบอลเหล่านี้เป็นจริงขึ้นมาให้ได้
“บิ๊กโต”ณรงค์วิทย์ อุ่นแสงจันทร์ ผู้อำนวยการโครงการช้างเผือกโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี ในฐานะประธานที่ปรึกษาสโมสรฯ เผยว่า การก่อตัวของสโมสรพรามเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลอาชีพในครั้งนี้ นับว่าเป็นนิมิตรหมายที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งโดยส่วนตัว ก็ได้มองเป้าหมายเดียวกันคือการเดินหน้าสร้างสุดยอดทีมสำหรับนักบอลเยาวชนในอนาคต
ด้าน “โค้ชจุ่น” ดร.จตุพร ประมลบาล ประธานสโมสรฯ และรับหน้าที่การเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนไปในตัว กล่าวถึงความภูมิใจในสโมสรนี้ ว่า เป็นทีมที่มีการเตรียมทีมมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเวลา เรื่องของตัวนักฟุตบอล เรื่องของสถานที่ และเรื่องของงบประมาณต่างๆ ทุกอย่างลงตัวแบบคาดไม่ถึง อย่างเช่นเรามีช้างเป็นผู้สนับสนุนเราในเรื่องของการใช้พื้นที่ฝึกซ้อม เรื่องของสนามแข่งขันในเลกที่สองที่จะได้สมาคมกีฬากรุงเทพฯเข้ามาช่วย และยังมีความร่วมมือจากพี่ๆ น้องๆ และเพื่อนๆ ที่เคยมาเฝ้าดูพัฒนาการของเหล่านักเตะของสโมสรแล้วต่างมีเป้าหมายเดียวกันคืออยากเห็นความสำเร็จของพวกเขาเหล่านี้ “และโดยส่วนตัวผมกับลูกสาวก็มีเป้าหมายเดียวกันที่อยากจะมีทีม ที่จะเป็นที่สร้างดาวประดับวงการฟุตบอล เราสองพ่อลูกพูดคุยกันมาโดยตลอด เค้าเชื่อว่าผมจะสามารถปั้นดาวให้เกิดขึ้นได้อีกจากสนามแห่งนี้ ประกอบกับทรัพยากรที่เรามีอยู่ตอนนี้นับว่าล้วนแล้วแต่มีอนาคตและพร้อมที่จะเติบโตไปเป็นขุมกำลังหลักของวงการฟุตบอลไทยในเร็ววันนี้ โดยลูกสาวผมเค้ามีหน้าที่ช่วยผมในเรื่องของเทคนิคทั้งหมด แถมยังมีเรื่องที่เค้าไปติดต่อเพื่อนที่เป็นเอเย่นต์จากฝรั่งเศสกับสเปนให้มาช่วยดูตัวนักบอลเยาวชนของเราด้วยเผื่อว่าจะเข้าตาไปหากินได้ในต่างประเทศ ซึ่งก็จะเป็นผลิตผลที่สำคัญที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆวันนี้ แต่ว่าเรื่องอื่นๆเราก็จะพัฒนาไปพร้อมๆกัน ทั้งการพัฒนาทีมเยาวชนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นทีมสำรอง และการพัฒนารากฐานนักฟุตบอลเยาวชนเพื่อก้าวสู่ความเป็นเลิศในอาชีพต่อไป
ส่วนขุมกำลังของทีมที่นอกจากจะมีตัวเก๋า คือรุ่นพี่อาวุโสที่สุดของทีมทั้ง 4 คน ที่เป็นอดีตนักฟุตบอลเยาวชนช้างจูเนียร์รุ่นแรก ที่ได้กลับมาช่วยเป็นแกนหลักให้กับน้องๆช้างจูเนียร์รุ่นปัจจุบันทั้ง 8 คน ที่มีอายุเฉลี่ยเพียง 17 ปี ยังมีสามประสานต่างชาติผิวสีที่จะมาสร้างความมหัศจรรย์ให้กับทีมอย่างไม่น่าเชื่อ พร้อมๆกับรุ่นพี่วัยรุ่นอีก 5 คน ที่ล้วนมีที่มาแตกต่างกันแต่ได้มาเจอกันแบบบังเอิญ พร้อมกับสองรุ่นพี่ร่างยักษ์จากฟอกซ์ฮันท์ที่เป็นอดีตลูกศิษย์ก็กลับมาร่วมสร้างปรากฎการณ์ครั้งนี้ ซึ่งล่าสุดเราได้คว้าตัวศูนย์หน้าดาวซัลโวแห่งชาติ ดาวยิงแห่งโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี ของอาจารย์สกล ที่เห็นดีเห็นงามกับความก้าวหน้าที่จะเกิดขึ้นจึงยอมปล่อยตัวให้มาเข้ามาร่วมสังกัดสโมสรให้โค้ชจุ่นปลุกปั้นประดับวงการฟุตบอลชั้นสูงต่อไป
โดยในโอกาสนี้ ได้รับเกียรติจาก “บิ๊กโต” ณรงค์วิทย์ อุ่นแสงจันทร์ ผู้อำนวยการโครงการช้างเผือกโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี ในฐานะประธานที่ปรึกษาสโมสรฯ พร้อมด้วย มร.เคลวิน โคห์ (Mr. Kelvin Koh) CEO โรงเรียนนานาชาติ SISB ผู้รับหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ, “โค้ชจุ่น” ดร.จตุพร ประมลบาล ในฐานะประธานสโมสรฯ และหัวหน้าผู้ฝึกสอน รวมไปถึงบรรดานักเตะวัยรุ่นเนื้อหอมของสโมสร PRIME BANGKOK
โดยการประสานความร่วมมือของ ผู้ฝึกสอน ผู้ปกครอง และนักฟุตบอล ตามโมเดลที่เด็กๆและผู้ปกครองในสนามแห่งนี้รู้จักกันดีมากว่าสิบปีนั้น วันนี้นับว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่ ที่มีเป้าหมายเดียวกันคือความสำเร็จในเส้นทางฟุตบอลอาชีพ จึงเกิดการก่อตัวของสโมสรพราม แบงค็อก ซึ่งชื่อ “พราม” นี้มีความหมายสรุปรวมว่า “เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด” และคำว่า “แบงค็อก” นี้ ก็จะเป็นการจับมือร่วมกันกับทางสมาคมกีฬากรุงเทพมหานคร พัฒนานักฟุตบอลเยาวชนภายใต้แนวคิด “HOME GROWN PLAYERS” ซึ่งจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้
ในส่วนของผู้สนับสนุนทีมนั้น ทีม“พราม แบงค็อก” ได้วางแผนการใช้งบประมาณไว้แบบสมเหตุสมผลมีแบบแผนอย่างพอเพียง และได้ทาง มร.เคลวิน โคห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงเรียนนานาชาติ SISB ยื่นมือเข้ามารับผิดชอบเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ หลังจากที่เคยให้การสนับสนุนกลุ่มเด็กๆ นักฟุตบอลเยาวชนของสโมสรไปสร้างชื่อเสียงในต่างประเทศอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ทั้งที่สเปนและญี่ปุ่น เมื่อมีโอกาสที่จะได้เห็นความเติบโตและความสำเร็จของนักฟุตบอลเยาวชนกลุ่มนี้ และรุ่นพี่ของพวกเขาอีกหลายๆคนที่มีแวว จึงไม่รีรอในการที่ช่วยสนับสนุนให้ฝันของบรรดานักบอลเหล่านี้เป็นจริงขึ้นมาให้ได้
“บิ๊กโต”ณรงค์วิทย์ อุ่นแสงจันทร์ ผู้อำนวยการโครงการช้างเผือกโรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี ในฐานะประธานที่ปรึกษาสโมสรฯ เผยว่า การก่อตัวของสโมสรพรามเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลอาชีพในครั้งนี้ นับว่าเป็นนิมิตรหมายที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งโดยส่วนตัว ก็ได้มองเป้าหมายเดียวกันคือการเดินหน้าสร้างสุดยอดทีมสำหรับนักบอลเยาวชนในอนาคต
ด้าน “โค้ชจุ่น” ดร.จตุพร ประมลบาล ประธานสโมสรฯ และรับหน้าที่การเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนไปในตัว กล่าวถึงความภูมิใจในสโมสรนี้ ว่า เป็นทีมที่มีการเตรียมทีมมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเวลา เรื่องของตัวนักฟุตบอล เรื่องของสถานที่ และเรื่องของงบประมาณต่างๆ ทุกอย่างลงตัวแบบคาดไม่ถึง อย่างเช่นเรามีช้างเป็นผู้สนับสนุนเราในเรื่องของการใช้พื้นที่ฝึกซ้อม เรื่องของสนามแข่งขันในเลกที่สองที่จะได้สมาคมกีฬากรุงเทพฯเข้ามาช่วย และยังมีความร่วมมือจากพี่ๆ น้องๆ และเพื่อนๆ ที่เคยมาเฝ้าดูพัฒนาการของเหล่านักเตะของสโมสรแล้วต่างมีเป้าหมายเดียวกันคืออยากเห็นความสำเร็จของพวกเขาเหล่านี้ “และโดยส่วนตัวผมกับลูกสาวก็มีเป้าหมายเดียวกันที่อยากจะมีทีม ที่จะเป็นที่สร้างดาวประดับวงการฟุตบอล เราสองพ่อลูกพูดคุยกันมาโดยตลอด เค้าเชื่อว่าผมจะสามารถปั้นดาวให้เกิดขึ้นได้อีกจากสนามแห่งนี้ ประกอบกับทรัพยากรที่เรามีอยู่ตอนนี้นับว่าล้วนแล้วแต่มีอนาคตและพร้อมที่จะเติบโตไปเป็นขุมกำลังหลักของวงการฟุตบอลไทยในเร็ววันนี้ โดยลูกสาวผมเค้ามีหน้าที่ช่วยผมในเรื่องของเทคนิคทั้งหมด แถมยังมีเรื่องที่เค้าไปติดต่อเพื่อนที่เป็นเอเย่นต์จากฝรั่งเศสกับสเปนให้มาช่วยดูตัวนักบอลเยาวชนของเราด้วยเผื่อว่าจะเข้าตาไปหากินได้ในต่างประเทศ ซึ่งก็จะเป็นผลิตผลที่สำคัญที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆวันนี้ แต่ว่าเรื่องอื่นๆเราก็จะพัฒนาไปพร้อมๆกัน ทั้งการพัฒนาทีมเยาวชนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นทีมสำรอง และการพัฒนารากฐานนักฟุตบอลเยาวชนเพื่อก้าวสู่ความเป็นเลิศในอาชีพต่อไป
ส่วนขุมกำลังของทีมที่นอกจากจะมีตัวเก๋า คือรุ่นพี่อาวุโสที่สุดของทีมทั้ง 4 คน ที่เป็นอดีตนักฟุตบอลเยาวชนช้างจูเนียร์รุ่นแรก ที่ได้กลับมาช่วยเป็นแกนหลักให้กับน้องๆช้างจูเนียร์รุ่นปัจจุบันทั้ง 8 คน ที่มีอายุเฉลี่ยเพียง 17 ปี ยังมีสามประสานต่างชาติผิวสีที่จะมาสร้างความมหัศจรรย์ให้กับทีมอย่างไม่น่าเชื่อ พร้อมๆกับรุ่นพี่วัยรุ่นอีก 5 คน ที่ล้วนมีที่มาแตกต่างกันแต่ได้มาเจอกันแบบบังเอิญ พร้อมกับสองรุ่นพี่ร่างยักษ์จากฟอกซ์ฮันท์ที่เป็นอดีตลูกศิษย์ก็กลับมาร่วมสร้างปรากฎการณ์ครั้งนี้ ซึ่งล่าสุดเราได้คว้าตัวศูนย์หน้าดาวซัลโวแห่งชาติ ดาวยิงแห่งโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี ของอาจารย์สกล ที่เห็นดีเห็นงามกับความก้าวหน้าที่จะเกิดขึ้นจึงยอมปล่อยตัวให้มาเข้ามาร่วมสังกัดสโมสรให้โค้ชจุ่นปลุกปั้นประดับวงการฟุตบอลชั้นสูงต่อไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น