สมาคมฯและไทยลีกประชุม
สมาคมฯ และไทยลีกจัดประชุมสโมสร หารือแนวทางป้องกัน COVID - 19
สมาคมฯ และไทยลีก จัดประชุมร่วมกับตัวแทนสโมสรไทยลีก 1-4 พร้อมกับกำหนดมาตรการออกเป็น 3 ระดับ โดยจะเริ่มใช้มาตรการในระดับที่ 1 (ระดับเฝ้าระวัง) ก่อน
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 13.00 น. ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา (อาคาร 25 ชั้น) สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และ บริษัท ไทยลีก จำกัด เชิญตัวแทนสโมสรฟุตบอลลีกอาชีพ ไทยลีก 1-4, ผู้ตัดสิน รวมถึงผู้ประเมินผู้ตัดสิน ประชุมด่วน เพื่อหารือเรื่องมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID - 19)
โดยที่ประชุมมี พล.ต.อ.ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ว่าที่นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยลีก จำกัด, นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล รักษาการนายกสมาคมฯ และ เลขาธิการฯ, นายศุภสิน ลีลาฤทธิ์ ว่าที่อุปนายกฝ่ายจัดการแข่งขัน, นายพาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศ พร้อมกับสโมสรฟุตบอลลีกอาชีพ ไทยลีก 1-4, ผู้ตัดสิน รวมถึงผู้ประเมินผู้ตัดสิน ร่วมประชุม
โดย พล.ต.อ.ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยลีก จำกัด กล่าวว่า “เรียนตัวแทนสโมสร ไทยลีก 1 – ไทยลีก 4 ผู้ประเมินผู้ตัดสิน ผู้ตัดสิน และสื่อมวลชนทุกท่าน ก่อนอื่น ผมต้องขอขอบคุณทุกๆ ท่าน ที่สละเวลาเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้”
“เนื่องด้วย สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และบริษัท ไทยลีก จำกัด ตระหนักถึงความอันตรายของการแพร่ระบาด เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือไวรัสโควิด-19 ที่กำลังเป็นภัยคุกคามไปทั่วโลก”
“สถานการณ์การแพร่ระบาด ยังได้ส่งผลกระทบถึงกิจกรรมการแข่งขันกีฬาชนิดต่างๆ โดยเฉพาะการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพในหลายๆ ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเจ-ลีก ญี่ปุ่น, กัลโซ่ เซเรีย อา อิตาลี ต้องเลื่อนการแข่งขัน ออกไป เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดที่กำลังแพร่กระจายอยู่ในขณะนี้”
“เช่นเดียวกัน ฟุตบอลลีกอาชีพของไทย จำเป็นต้องหาทางรับมือ เพื่อป้องกันโรคดังกล่าว ไม่ให้แพร่เชื้อไปยังบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนแฟนบอล ซึ่งอาจส่งผลกระทบในระยะยาว”
“ทั้งนี้ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สถานการณ์ดังกล่าว จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ขอบคุณครับ”
สำหรับมาตรการ และแนวทางป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID - 19) ของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ แบ่งเป็น 3 ระดับ โดยจะเริ่มต้นใช้มาตรการระดับที่ 1 ก่อน
โดยมาตรการป้องกันทั้งหมด มีดังนี้
ระดับที่ 1 “คัดกรอง” โดยแนะนำวิธีปฏิบัติ และการป้องกันขั้นพื้นฐาน กับผู้ที่เกี่ยวข้อง และเฝ้าระวังสถานการณ์การแพร่เชื้อทุกวัน
1.1 ให้ผู้ที่อยู่ในสถานที่จัดการแข่งขันสวมหน้ากากป้องกันการแพร่เชื้อ
1.2 มีการวางเจลแอลกอฮอล์ล้างมือไว้ตามจุดต่างๆ ของสถานที่จัดการแข่งขัน เช่น จุดขายตั๋ว ประตูทางเข้าสนามแข่งขัน
1.3 ทำความสะอาดจุดที่มีการสัมผัสบ่อยๆ อยู่เสมอ เช่น ลูกบิดประตู รวมถึงบันได
ระดับที่ 2 “แข่งขันแบบปิด” โดยให้มีการจัดการแข่งขันแบบปิด และใช้มาตรการป้องกันในวันแข่งขัน โดยอนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าทำข่าวได้ ภายใต้มาตรการป้องกันของสโมสร และมีการถ่ายทอดสดตามปกติ
2.1 “แข่งขันแบบปิด” ในเฉพาะโซนที่อยู่ในพื้นที่มีความเสี่ยง
2.2 “แข่งขันแบบปิด” ทุกสนามของการแข่งขันไทยลีก
ระดับที่ 3 “เลื่อนการแข่งขัน” โดยอ้างอิงการประกาศจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
3.1 เลื่อนการแข่งขันทุกนัดออกไปก่อน และให้กำหนดวันที่กลับมาแข่งขันเป็นระยะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์จากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และนโยบายภาครัฐ
3.2 ติดตามสถานการณ์แบบวันต่อวัน พร้อมกับแจ้งให้สโมสรสมาชิกทราบเป็นระยะ
อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย เลวร้ายลงจนถึงขั้นไม่สามารถควบคุมได้ สมาคมฯ ก็จะมีการพิจารณาถึงมาตรการในลำดับที่สูงขึ้นต่อไป
สมาคมฯ และไทยลีก จัดประชุมร่วมกับตัวแทนสโมสรไทยลีก 1-4 พร้อมกับกำหนดมาตรการออกเป็น 3 ระดับ โดยจะเริ่มใช้มาตรการในระดับที่ 1 (ระดับเฝ้าระวัง) ก่อน
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 13.00 น. ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา (อาคาร 25 ชั้น) สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และ บริษัท ไทยลีก จำกัด เชิญตัวแทนสโมสรฟุตบอลลีกอาชีพ ไทยลีก 1-4, ผู้ตัดสิน รวมถึงผู้ประเมินผู้ตัดสิน ประชุมด่วน เพื่อหารือเรื่องมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID - 19)
โดยที่ประชุมมี พล.ต.อ.ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ว่าที่นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยลีก จำกัด, นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล รักษาการนายกสมาคมฯ และ เลขาธิการฯ, นายศุภสิน ลีลาฤทธิ์ ว่าที่อุปนายกฝ่ายจัดการแข่งขัน, นายพาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศ พร้อมกับสโมสรฟุตบอลลีกอาชีพ ไทยลีก 1-4, ผู้ตัดสิน รวมถึงผู้ประเมินผู้ตัดสิน ร่วมประชุม
โดย พล.ต.อ.ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยลีก จำกัด กล่าวว่า “เรียนตัวแทนสโมสร ไทยลีก 1 – ไทยลีก 4 ผู้ประเมินผู้ตัดสิน ผู้ตัดสิน และสื่อมวลชนทุกท่าน ก่อนอื่น ผมต้องขอขอบคุณทุกๆ ท่าน ที่สละเวลาเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้”
“เนื่องด้วย สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และบริษัท ไทยลีก จำกัด ตระหนักถึงความอันตรายของการแพร่ระบาด เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือไวรัสโควิด-19 ที่กำลังเป็นภัยคุกคามไปทั่วโลก”
“สถานการณ์การแพร่ระบาด ยังได้ส่งผลกระทบถึงกิจกรรมการแข่งขันกีฬาชนิดต่างๆ โดยเฉพาะการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพในหลายๆ ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเจ-ลีก ญี่ปุ่น, กัลโซ่ เซเรีย อา อิตาลี ต้องเลื่อนการแข่งขัน ออกไป เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดที่กำลังแพร่กระจายอยู่ในขณะนี้”
“เช่นเดียวกัน ฟุตบอลลีกอาชีพของไทย จำเป็นต้องหาทางรับมือ เพื่อป้องกันโรคดังกล่าว ไม่ให้แพร่เชื้อไปยังบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนแฟนบอล ซึ่งอาจส่งผลกระทบในระยะยาว”
“ทั้งนี้ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สถานการณ์ดังกล่าว จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ขอบคุณครับ”
สำหรับมาตรการ และแนวทางป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID - 19) ของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ แบ่งเป็น 3 ระดับ โดยจะเริ่มต้นใช้มาตรการระดับที่ 1 ก่อน
โดยมาตรการป้องกันทั้งหมด มีดังนี้
ระดับที่ 1 “คัดกรอง” โดยแนะนำวิธีปฏิบัติ และการป้องกันขั้นพื้นฐาน กับผู้ที่เกี่ยวข้อง และเฝ้าระวังสถานการณ์การแพร่เชื้อทุกวัน
1.1 ให้ผู้ที่อยู่ในสถานที่จัดการแข่งขันสวมหน้ากากป้องกันการแพร่เชื้อ
1.2 มีการวางเจลแอลกอฮอล์ล้างมือไว้ตามจุดต่างๆ ของสถานที่จัดการแข่งขัน เช่น จุดขายตั๋ว ประตูทางเข้าสนามแข่งขัน
1.3 ทำความสะอาดจุดที่มีการสัมผัสบ่อยๆ อยู่เสมอ เช่น ลูกบิดประตู รวมถึงบันได
ระดับที่ 2 “แข่งขันแบบปิด” โดยให้มีการจัดการแข่งขันแบบปิด และใช้มาตรการป้องกันในวันแข่งขัน โดยอนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าทำข่าวได้ ภายใต้มาตรการป้องกันของสโมสร และมีการถ่ายทอดสดตามปกติ
2.1 “แข่งขันแบบปิด” ในเฉพาะโซนที่อยู่ในพื้นที่มีความเสี่ยง
2.2 “แข่งขันแบบปิด” ทุกสนามของการแข่งขันไทยลีก
ระดับที่ 3 “เลื่อนการแข่งขัน” โดยอ้างอิงการประกาศจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
3.1 เลื่อนการแข่งขันทุกนัดออกไปก่อน และให้กำหนดวันที่กลับมาแข่งขันเป็นระยะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์จากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และนโยบายภาครัฐ
3.2 ติดตามสถานการณ์แบบวันต่อวัน พร้อมกับแจ้งให้สโมสรสมาชิกทราบเป็นระยะ
อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย เลวร้ายลงจนถึงขั้นไม่สามารถควบคุมได้ สมาคมฯ ก็จะมีการพิจารณาถึงมาตรการในลำดับที่สูงขึ้นต่อไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น