รมช.กนกวรรณ ผุดไอเดีย นำจิตวิทยามาปรับใช้ในสถานศึกษา แก้ปัญหาการนักเรียนโรงเรียนเอกชนตีกัน
#ชัดทุกกระแส
รมช.กนกวรรณ ผุดไอเดีย นำจิตวิทยามาปรับใช้ในสถานศึกษา แก้ปัญหาการนักเรียนโรงเรียนเอกชนตีกัน
เวลา 09.30 น. (1 สิงหาคม 2562)
นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) ให้สัมภาษณ์ ภายหลังการเข้าตรวจเยี่ยมเพื่อหารือปัญหาการทะเลาะวิวาทและมาตรการแก้ปัญหานักเรียนโรงเรียนเอกชนตีกันว่า “ ปัญหานี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำซาก ซึ่งตนก็ไม่นิ่งนอนใจ จะหารือเพื่อหาทางออกให้เร็วที่สุดและจะเร่งหามาตรการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพราะเป็นปัญหาถือเป็นเรื่องสำคัญ เร่งด่วน เพราะมีผู้ได้รับผลกระทบจำนวนมาก ไม่เพียงแต่กระทบในภาคการศึกษาเท่านั้นแต่ยังขยายเป็นวงกว้างถึงสังคมและชุมชน
ดังนั้นตนจึงต้องการร่วมมือในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางออกการแก้ปัญหาร่วมกัน ทั้งกับสถานศึกษา เจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันและป้องปรามปัญหาที่ต้นเหตุ มากกว่าปลายเหตุ โดยจะต้องมีมาตรการในการจัดการให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ที่ผ่านมาได้มีมาตรการบทลงโทษในเรื่องนี้ขั้นสูงสุด คือ การปิดสถาบันการศึกษา ซึ่งตนไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของทุกส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะนักเรียน เยาวชน ที่ไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุ และต้องดึงเอาจิตวิทยาการศึกษาเข้ามาใช้ควบคู่กับการส่งเสริมคุณธรรม ความรัก สามัคคี ให้สังคมสามารถอยู่ร่วมกันได้ ผ่านกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และจัดกิจกรรมร่วมกันระหว่างสถานศึกษา
รวมทั้งการสร้างความตระหนักรู้ ส่งเสริมให้นักศึกษารับรู้ว่าถ้าได้กระทำการใดๆ ที่ส่งผลเสียต่อทั้งตนเอง ครอบครัว และสถาบัน ซึ่งตนคิดว่าต่อไปอาจจะต้องมีนักจิตวิทยาและครูแนะแนวในโรงเรียน สถานศึกษาเข้ามามีบทบาทช่วยกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง” รมช.ศธ. กล่าว
รมช.กนกวรรณ ผุดไอเดีย นำจิตวิทยามาปรับใช้ในสถานศึกษา แก้ปัญหาการนักเรียนโรงเรียนเอกชนตีกัน
เวลา 09.30 น. (1 สิงหาคม 2562)
นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) ให้สัมภาษณ์ ภายหลังการเข้าตรวจเยี่ยมเพื่อหารือปัญหาการทะเลาะวิวาทและมาตรการแก้ปัญหานักเรียนโรงเรียนเอกชนตีกันว่า “ ปัญหานี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำซาก ซึ่งตนก็ไม่นิ่งนอนใจ จะหารือเพื่อหาทางออกให้เร็วที่สุดและจะเร่งหามาตรการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพราะเป็นปัญหาถือเป็นเรื่องสำคัญ เร่งด่วน เพราะมีผู้ได้รับผลกระทบจำนวนมาก ไม่เพียงแต่กระทบในภาคการศึกษาเท่านั้นแต่ยังขยายเป็นวงกว้างถึงสังคมและชุมชน
ดังนั้นตนจึงต้องการร่วมมือในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางออกการแก้ปัญหาร่วมกัน ทั้งกับสถานศึกษา เจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันและป้องปรามปัญหาที่ต้นเหตุ มากกว่าปลายเหตุ โดยจะต้องมีมาตรการในการจัดการให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ที่ผ่านมาได้มีมาตรการบทลงโทษในเรื่องนี้ขั้นสูงสุด คือ การปิดสถาบันการศึกษา ซึ่งตนไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของทุกส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะนักเรียน เยาวชน ที่ไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุ และต้องดึงเอาจิตวิทยาการศึกษาเข้ามาใช้ควบคู่กับการส่งเสริมคุณธรรม ความรัก สามัคคี ให้สังคมสามารถอยู่ร่วมกันได้ ผ่านกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และจัดกิจกรรมร่วมกันระหว่างสถานศึกษา
รวมทั้งการสร้างความตระหนักรู้ ส่งเสริมให้นักศึกษารับรู้ว่าถ้าได้กระทำการใดๆ ที่ส่งผลเสียต่อทั้งตนเอง ครอบครัว และสถาบัน ซึ่งตนคิดว่าต่อไปอาจจะต้องมีนักจิตวิทยาและครูแนะแนวในโรงเรียน สถานศึกษาเข้ามามีบทบาทช่วยกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง” รมช.ศธ. กล่าว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น