ผบช.น.แถลงจับเครือข่ายลักลอบขนยาเสพติด
ผบช.น.แถลงจับเครือข่ายลักลอบขนยาเสพติด ยึดยาเค 360 กก.มูลค่ากว่า 100 ลบ.
วันพฤหัสบดีที่ 21 เม.ย.65 เวลา 11.30 น. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น./โฆษก บช.น., พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น./รองโฆษก บช.น., พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2, พ.ต.อ.สินเลิศ สุขุม รอง ผบก.น.4 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าวกรณีการจับกุมเคตามีน (ยาเสพติดให้โทษประเภท2) โดยชุด กก.สส.บก.น.2 และคดีวิ่งราวทรัพย์ ในพื้นที่ สน.บางชัน ณ ลานอเนกประสงค์ บช.น.
คดีแรก เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.2 การจับกุมเคตามีน
ชุดสืบสวนหาข่าวกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ออกสืบสวนหาข่าวผู้กระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดและอาวุธปืน จนมีผลการปฏิบัติ ดังนี้
ได้ร่วมกันทำการจับกุมตัวผู้ต้องหา 5 ราย
นายอภิสิทธิ์ ฯ, นายอัจฉระฯ หรือโอ, นายวีรพงษ์ฯ, นายเอกรินทร์ฯ, นายสมชายฯ หรือโต้ง โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า
"ผู้ต้องหาที่ 1,2,3,4 และ 5 มียาเสพติดให้โทษประเภท 2 (เคตามีน) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย”
พร้อมด้วยของกลางและตรวจยึด
ยาเคตามีน จำนวน 9 กระสอบ น้ำหนักรวม 360 กิโลกรัม รถยนต์ จำนวน 2 คัน
ก่อนการจับกุมในคดีนี้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ทำการสืบสวนขยายผลจากการจับกุมยาเสพติดเมื่อ เดือนตุลาคม พ.ศ.2564 จนสืบทราบมาว่ากลุ่มคนร้ายคือ นายอัจฉระ หรือโอ กับพวก มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ลักษณะรับจ้างขนยาเสพติดจากแนวชายแดนจังหวัดเชียงรายเข้ามายังกรุงเทพมหานคร จากการสืบสวนทราบว่า กลุ่มคนร้ายมีลักษณะการแบ่งหน้าที่กันทำ โดยจะใช้รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้ออีซูซุ รุ่น D-MAX สีเทา เป็นรถยนต์ที่ใช้ขนยาเสพติด และมีรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้อโตโยต้า รุ่น C-CAB สีขาว เป็นรถยนต์ที่คอยขับประกบตาม ร่วมกันลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากชายแดนจังหวัดเชียงรายมาซุกซ่อนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อรอจำหน่ายให้กับลูกค้าทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียงตามคำสั่งของนายทุนหรือผู้ว่าจ้าง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงลงพื้นที่สืบสวน ทำการติดตามพฤติกรรมจนทราบแน่ชัดว่า ผู้ต้องหากับพวก ได้ทำการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจริง
ต่อมาถึงวันที่ 16 เมษายน 2565 ผู้ต้องหากับพวก ได้มีการขับรถออกจากจังหวัดสุรินทร์และจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของผู้ต้องหาไปชายแดนจังหวัดเชียงรายและจังหวัดเชียงใหม่ จนกระทั่งวันที่ 20 เมษายน 2565 ได้ขับรถกลับเข้ากรุงเทพมหานคร โดยรถลำเลียงยาเสพติดได้จอดพักที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท. สาขาโกตี๋ ตำบลนครชุม อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร และรถอีกคันที่คอยประกบขับตามเมื่อมาถึงด่านตรวจทรงธรรม ตำบลทรงธรรม อำเภอเมืองกำแพงเพชร ก่อนถึงสถานีบริการน้ำมัน ปตท. สาขาโกตี๋ ประมาณ 7 กม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวเข้าจับกุมตัวและตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบของกลางเป็นยาเคตามีน จำนวน 9 กระสอบ น้ำหนักรวม 360 กิโลกรัม อยู่ภายในกระบะบรรทุกซึ่งได้มีการติดตั้งโครงกระบะคอกแสตนเลส โดยมีสับปะรดทับปิดบังเจ้าหน้าที่ไว้เพื่อใช้ในการลำเลียงยาเสพติด จากการสอบถามผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย ให้การรับสารภาพว่า เป็นกลุ่มที่ร่วมกับรับจ้างขนยาเสพติดมาจากชายแดนจังหวัดเชียงรายมาส่งที่กรุงเทพฯ จริง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีที่สอง คดีวิ่งราวทรัพย์ ในพื้นที่ สน.บางชัน
เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางชัน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.4 เร่งรัดติดตามตัวคนร้าย จากกรณีเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2565 เวลาประมาณ 12.25 น. ได้มีเหตุคนร้ายชาย 1 คน ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ร้านทองออโรร่า ห้างดังย่านแฟชั่นไอส์แลนด์ ถนนรามอินทรา แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร โดยคนร้ายได้สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท จำนวน 2 เส้น แล้ววิ่งหลบหนีขึ้นรถแท็กซี่ไป
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางชัน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.4 ได้ดำเนินการลงพื้นที่เกิดเหตุ สืบสวนหาข่าว และตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด จนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานจนทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุในคดีดังกล่าวคือ นายกานต์ฯ อายุ 24 ปี สัญชาติไทย ซึ่งพักอาศัยอยู่ที่ห้องพักเลขที่ 105 หอพักบ้านดาราทร เลขที่ 52 ซอยพหลโยธิน 55 แยก 6 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร
เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางชัน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.4 ได้ติดตามตัวยังสถานที่ต่าง ๆ จนกระทั่งต่อมา เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2565 เวลา 17.30 น. ได้จับกุมตัวผู้ต้องหา คือ นายกานต์ฯ โดยกล่าวหาว่า “วิ่งราวทรัพย์” จากการสอบถามนายกานต์ให้การยอมรับสารภาพว่า ตนเป็นผู้ที่ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์สร้อยคอทองคำจำนวน 2 เส้นดังกล่าว จากที่ร้านทองออโรร่า ในห้างดังย่านแฟชั่นไอส์แลนด์ไปจริง และสมัครใจนำพาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปทำการตรวจยึดทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดในวันดังกล่าวด้วยตนเอง จนนำไปสู่การนำตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมกับตรวจยึดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด จำนวน 9 รายการ ประกอบด้วย
1. แหวนทองรูปพรรณ น้ำหนัก ครึ่งสลึง จำนวน 2 วง
2. เอกสารบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ แบบไม่มีสมุดคู่ฝาก (SCB E-Passbook) ของธนาคารไทยพาณิชย์ หมายเลขบัญชี 171-4184xx-x ชื่อบัญชี นายกานต์ฯ จำนวน 1 เล่ม
3. หน้ากากอนามัยสีขาว จำนวน 1 อัน
4. โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ HUAWEI สีดำ หมายเลขโทรศัพท์ 063-161-4xxx จำนวน 1 เครื่อง
5. กระเป๋าสะพายสีน้ำเงิน จำนวน 1 ใบ
6. เสื้อยืดแขนสั้นสีดำ จำนวน 1 ตัว
7. กางเกงขายาวสีดำ จำนวน 1 ตัว
8. รองเท้าผ้าใบยี่ห้อ NIKE สีดำ จำนวน 1 คู่
9. บัตรรับฝากทองของห้างทองหลีกิมเส็ง เลขที่ 3073 จำนวน 1 ฉบับ
จากการซักถาม นายกานต์ฯ ให้การอีกว่า เคยทำงานอยู่ที่ห้างสรรพสินค้า สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์มาก่อนที่จะมาทำการก่อเหตุ และมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุ เพราะต้องการนำเงินไปใช้หนี้สินของตนและนำเงินส่งให้ลูกที่อยู่ต่างจังหวัด
สถานที่จับกุม บริเวณหน้าศูนย์การค้าเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพหมานคร
จากนั้นจึงได้นำตัวผู้ต้องหา พร้อมด้วยรายการสิ่งตรวจยึด ส่งพนักงานสอบสวน สน.บางชัน
เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
บช.น. ขอเรียนพี่น้องประชาชนว่า ถึงแม้ว่าช่วงนี้จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงปฏิบัติหน้าที่ในการบำบัดทุกข์และบำรุงสุขให้แก่พี่น้องประชาชน หากพบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิด โปรดแจ้งสายด่วน 191 หรือสถานีตำรวจท้องที่
สมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สภท.57ปี)
ธวัชชัย เฟื่องอนันต์ รายงาน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น