กัปตัน ม.การกีฬาแห่งชาติ

กัปตัน ม.การกีฬาแห่งชาติ


แฟนกีฬาหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับวงการพลศึกษาคงทราบกันแล้วว่ามหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติเป็นสถาบันอุดมศึกษาน้องใหม่สำหรับสังคมไทยที่ได้รับการผลักดันมาจากรัฐบาลในยุค คสช.ด้วยการเปลี่ยนสถานะมาจากสถาบันการพลศึกษาภายใต้พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาการก่อเกิดมหาวิทยาลัยดังกล่าวทำให้เป็นที่สนใจและคาดหวังของผู้คนในวงการกีฬาและชาวอุดมศึกษาทั้งมวลว่าสถาบันแห่งนี้จะเป็นต้นทางที่สำคัญสำหรับการขับเคลื่อนการพัฒนาและยกระดับการกีฬาของชาติแบบครบองค์รวมภายใต้ความพร้อมหรือศักยภาพของผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากรและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ

อย่างไรก็ตามเมื่อมีการจัดตั้งองค์กรใหม่สิ่งหนึ่งที่องค์กรแห่งนั้นจะต้องเร่งดำเนินการเพื่อให้การบริหารจัดการเป็นไปตามพันธกิจและวัตถุประสงค์ซึ่งการบริหารจัดการจะก้าวไปถึงเป้าประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลองค์กรนั้นจำเป็นที่จะต้องดำเนินการในการได้มาซึ่งผู้นำหรือจอมทัพสำหรับการเคลื่อนพล
มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติก็เฉกเช่นเดียวกันพระราชบัญญัติฯของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ก็ไม่แตกต่างไปจากสถาบันอุดมศึกษาอื่นๆที่กำหนดให้อธิการบดีเป็นผู้บริหารสูงสุดภายใต้ความเห็นชอบของสภามหาวิทยาลัยซึ่งการจะได้มาซึ่งผู้นำหรืออธิการบดีสภามหาวิทยาลัยจะต้องออกระเบียนข้อบังคับว่าด้วยการสรรหาอธิการบดี

และจากระเบียบข้อบังคับดังกล่าวสภามหาวิทยาลัยแห่งนี้ก็ได้ดำเนินการตามขั้นตอนจนได้บุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งจำนวน 2 ราย ซึ่งทั้ง 2 รายได้ถูกนำรายชื่อมาสื่อสารผ่านสื่อมวลชนเพื่อให้สาธารณชนโดยเฉพาะประชาคม ม.การกีฬาแห่งชาติที่เฝ้าลุ้นว่าใครจะมาวินหรือมีได้รับโอกาสให้เข้ามากุมบังเหียนองค์กร

แต่ภายหลังที่รายชื่อบุคคลที่ผ่านการสรรหาทั้ง 2 รายถูกประกาศออกไป คุณบีและผู้ติดตามกรณีนี้คงจะทราบแล้วว่าจู่กลับมีเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีกลุ่มบุคคลในสถาบันแห่งนี้ออกมายื่นหนังสือถึงกระทรวงเพื่อแสดงให้เห็นว่ากลุ่มตนเองไม่เห็นด้วย และจากการเรียกร้องให้ทบทวนการสรรหาบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งอธิการบดีถามว่าเขามีสิทธิ์หรือไม่คำตอบมีสิทธิ์ที่จะกระทำดังที่เกิดเป็นกระแสให้เห็นกันบ่อยครั้งสำหรับการสรรหาผู้นำอธิการบดีของมหาวิทยาลัยต่างๆที่มักจะมีผู้ออกมาฟ้องร้องและเรียกหาความเป็นธรรมกันอยู่เนืองๆ

อย่างไรก็ตามต่อกรณีการที่การสรรหาผู้นำ ม.การกีฬาแห่งชาติต้องสะดุดและยังไม่สะเด็ดน้ำนั้นจนนำไปสู่การเรียกร้องของกลุ่มบุคคลหรือองค์กรที่ต้องการให้การขับเคลื่อนเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับทั้งนี้เพื่อประโยชน์ขององค์กรและประเทศชาติ ซึ่งจากปัญหาดังกล่าวล่าสุดการประชุมของคณะกรรมาธิการการกีฬาสภาผู้แทนราษฏรเมื่อวันที่28 มกราคมที่ผ่านมากรรมาธิการได้หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาพิจารณาและจะเชิญผู้เกี่ยวข้องมารายงานหรือชี้แจ้งในครั้งต่อไป

อันที่จริงเรื่องนี้ถ้าคนในองค์กรที่ซึ่งเป็นที่รวมของชาวพลศึกษาผู้ที่เคยผ่านการร้องเพลงกราวกีฬามาแล้วเกือบทั้งสิ้นหากตระหนักและให้ความสำคัญกับคำว่า “สปิริต” หรือการมีน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะรู้อภัยยอมรับในผลการดำเนินการของคณะกรรมการสรรหาที่สภามหาวิทยาลัยแต่งตั้งเรื่องก็จบ ม.การกีฬาแห่งชาติก็ควจะได้ผู้นำหรือกัปตันไปนานแล้ว

วันนี้ทราบว่า ม.การกีฬาแห่งชาติแห่งนี้ก็มีนายกสภามหาวิทยาลัยที่ผ่านการสรรหาไปเมื่อเร็วๆนี้ หากนายกสภาและคณะกรรมการทั้งมวลเดินหน้าให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติและระเบียบข้อบังคับภายใต้อำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ปัญหาที่ยืดเยื้อมาข้ามปีก็จะได้จบเรื่องไปและไม่ต้องให้เดือดร้อนไปถึงเจ้ากระทรวง ทั้งนี้โดยมารยาทหากการดำเนินการไม่นำมาซึ่งผลกระทบหรือเกิดความเสียหายต่อสังคมมหรือประเทศชาติเจ้ากระทรวงท่านคงจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวและกรรมาธิการฯในสภาผู้แทนราษฏรก็คงไม่อย่างก้าวล่วงงานภายในของมหาวิทยาลัยเช่นกัน
ในฐานะที่ผู้เขียนเป็นหนึ่งในเลือดเนื้อเชื้อไขของชาวพลบดีวันนี้จึงขอเสนอให้สภามหาวิทยาลัยในฐานะบอร์ดที่มีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลการบริหารจัดการทุกท่านจะต้องมีจุดยืนและมีความกล้าหาญในการที่จะชี้ขาดว่าใครเหมาะสมในการที่จะเป็นผู้นำตัวจริง และที่สำคัญกรรมการสภาฯจะต้องพิสูจน์ให้สังคมหรือลูกพลบดีทั่วประเทศเห็นว่าทุกท่านเป็นผู้ทรงเกียรติและเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีจุดยืนและอุดมการณ์ของตนเองไม่เป็นผู้ที่ถูกชี้นำโดยบุคคลหนึ่งบุคคลใด

ทั้งหมดทั้งปวงที่แฟนข่าวกีฬากระชับวงล้อมปันความคิดมานั้นมิได้มีเจตนาที่จะตำหนิผู้ออกมาเรียกร้องให้มีการพิจารณาบุคคลผู้เหมาะสมกันใหม่ทั้งสิ้นและเหนือสิ่งอื่นใดก็ต้องขอชื่นชมรักษาการอธิการบดีท่านปัจจุบันที่ได้ทำหน้าที่ได้อย่างไม่มีที่ติเช่นเดียวกัน

ดังนั้นเพื่อให้ ม.การกีฬาแห่งชาติจะได้บริหารจัดการหรือขับเคลื่อนแผนกลยุทธ์ให้เป็นไปตามเป้าประสงค์และเป็นที่พึ่งของสังคมกีฬาไทยสืบไปจึงขอส่งเสียงมายังประชาคมผู้ซึ่งเปี่ยมไปด้วย “สปิริต”หรือ เป็นไปตามเพลงกราวกีฬาดังที่ครูเทพหรือเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีได้ประพันธ์ฝากไว้ให้เป็นอนุสรณ์แก่สังคม

เชื่อว่ากัปตัน ม.กีฬาแห่งชาติคงจะได้มาในเร็ววัน

ผศ.ดร.รัฐพงศ์ บุญญานุวัตร

คำว่า “สปิริต” กับ ความมีนำ้ใจนักกีฬา ช่วยลดความขัดแย้งในทุกสังคมได้เสมอ

เห็นด้วยกับอาจารย์รัฐพงศ์กับปัญหาการแต่งตั้งผู้นำ ม.การกีฬาแห่งชาติ ที่ยังคาราคาซังอยู่จนถึงเวลานี้
เชื่อว่าชาวพลบดีทุกคนไม่มีใครไม่รู้จักเพลงกราวกีฬาของ“ครูเทพ”หรอกครับ

แต่จะเข้าใจความหมายของเนื้อเพลงลึกซึ้งแค่ไหน

อันนี้แหละ..ที่ตอบยากจริงๆ

ความคิดเห็น

ข่าวฮอตชัดทุกกระแส

วิเคราะห์ เจาะลึก วัตถุมงคลหลวงพ่อพัฒน์ วัดห้วยด้วน

“ธรรมาภิบาล”เร่งหารือ กกต.ให้จัดการเลือกตั้งใหม่

ฟุตบอลสูงอายุชิงถ้วย ร.10 68 ทีมร่วมฟาดแข้ง

ชมรมทหารพราน ค่ายปักธงชัย แจกข้าวสาร อาหารแห้ง ณ​ ชุมชนชาวคลองลัดภาชี

ราชกรีฑาสโมสรจัดศึกกีฬาม้าแข่งไร้พนันชิงชัยแบบนิวนอร์มัล

ไทย ต้านไม่ไหว พ่ายญี่ปุ่น 0-7

ทนายอนันต์ชัย โพสต์ FB ระบุ